ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กทม.พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ในอนาคตอาจจะมีการปรับเบอร์โทรสายด่วน 1669 สำหรับทั่วประเทศ และ กทม. 2 เบอร์ 1649, 1555 รวมเป็นเบอร์เดียว

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 59 เวลา 10.00 น. พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อม พญ.ประนอม คำเที่ยง รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในกรุงเทพมหานคร เพื่อกำหนดรายละเอียดการดำเนินงานทุกๆ ด้าน ทั้งระบบบริการ แก้ไขปัญหา เช่น การจราจร การส่งต่อ การสำรองเตียง การบูรณาการการซ้อมแผนสาธารณภัยร่วมกัน

พญ.วันทนีย์ กล่าวว่า การประชุมหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ประชาชนเข้าถึงการบริการได้อย่างรวดเร็ว ได้รับการดูแลตามมาตรฐาน เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกัน ตามนโยบาย “มหานครแห่งความปลอดภัย” มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยแบ่งการทำงานเป็น 9 โซน เจ็บป่วยฉุกเฉิน โทรสายด่วน 1669 ทั่วประเทศ ส่วน กทม.โทร 1646 หรือ 1555 กด 4 ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการปรับเบอร์โทรสายด่วนเพียงเบอร์เดียว โดยหัวข้อสรุปหลักของการประชุมร่วมกันมี 4 ประเด็น ดังนี้

ระบบบริการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) ปัจจุบันศูนย์เอราวัณเป็นผู้ประสานสั่งการหน่วยปฏิบัติการในกรุงเทพ การขอใช้บริการผ่านศูนย์สื่อสาร 1646 และ 1669 ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบสิทธิ เข้าใจวิธีที่ถูกต้องในการโทรเรียกขอใช้บริการรถนำส่งโรงพยาบาลที่หมายเลข 1646 และ 1669 ซึ่งบริการฟรีตลอด 24 ชม. พร้อมสร้างเครือข่ายหน่วยปฏิบัติการให้ครอบคลุมโดยเฉพาะหน่วยในโรงพยาบาลรัฐบาล

การส่งต่อและศูนย์สำรองเตียง โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ เป็นผู้รับผิดชอบดูแล บริหารเตียงโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ควรตั้งศูนย์ประสานงานร่วมหรือหนึ่งเดียวเพื่อการบริหารเตียงร่วมระหว่างโรงพยาบาลในสังกัดราชการทุกกระทรวง และทุกโรงพยาบาลราชการต้องมีศูนย์สำรองเตียง

การส่งข้อมูลการบาดเจ็บเทศกาล ศูนย์เอราวัณเป็นผู้ส่งรายงานเฉพาะการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) ไม่มีข้อมูลการรับบริการในโรงพยาบาล และไม่ครบทุกสังกัดรวมทั้งโรงพยาบาลเอกชน จึงเห็นควรทุกโรงพยาบาลราชการและเอกชนต้องรายงาน โดยกำหนดเวลาก่อน 08.00 น.

การซ้อมแผนสาธารณภัย กรมการแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบในฐานะตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์เอราวัณเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะตัวแทนสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จึงเห็นพ้องกันในการบูรณาการการซ้อมแผนร่วมกันในปีนี้