ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรุงเทพมหานครแถลงข่าวเตรียมความพร้อม 4 รพ.สังกัดสำนักการแพทย์รองรับผู้ป่วยโควิด-19 โดยมี รพ.ราชวิถีเป็นแกนส่งต่อผู้ป่วยไปยัง รพ.ต่างๆ รพ.ละ 6 เตียง คือ รพ.กลาง รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ รพ.ตากสิน รพ.สิรินธร หากจำเป็นมากกว่านี้ มี รพ.บางขุนเทียนรองรับได้อีก

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร, นางจินดารัตน์ ชโยธิน และ นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต โฆษกของกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวผลการประชุมศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิค-19 ) กทม. ว่า กรณีการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์นั้น กรุงเทพมหานครได้รับการสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยโรงพยาบาลราชวิถีจะเป็นแกนส่งต่อส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้จัดเตรียมไว้ 4 โรงพยาบาลๆ ละ 6 เตียง รวมทั้งหมด 24 เตียง ได้แก่ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลตากสิน และโรงพยาบาลสิรินธร หากมีความจำเป็นที่มากกว่านี้ จะใช้โรงพยาบาลบางขุนเทียนซึ่งมีความพร้อมทางด้านกายภาพ และปัจจุบันเปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยนอก โดยยังไม่เปิดรักษาผู้ป่วยใน ซึ่งกรุงเทพมหานครได้จัดเตรียมพื้นที่รองรับตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว โดยได้เลือกศูนย์ฟื้นฟูกลางน้ำ ซึ่งมีทั้งหมด 8 อาคาร อาคารละ 4 ห้อง รวมทั้งหมด 32 ห้อง สำหรับเป็นสถานที่บำบัดรักษา

ส่วนสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผลได้ประสานงานกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ผู้จัดทำแอปพลิเคชัน AOT Airports สำหรับให้ผู้เดินทางเข้าประเทศไทยทุกคนดาวน์โหลดและกรอกเบอร์โทรศัพท์ เพื่อใช้ในการติดตามตัวผู้มีความเสี่ยงกลับมาตรวจและเฝ้าระวังได้ทันท่วงที และแอปพลิเคชัน SydeKick for ThaiFightCOVID สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องกักตัวที่บ้านและแรงงานไทยที่กลับจากประเทศเสี่ยง ซึ่งใช้ในการติดตาม เฝ้าระวังผ่านระบบ Location Tracking รู้พิกัดกลุ่มเสี่ยง เพื่อนำมาประยุกต์ให้สำนักอนามัย กทม.นำไปปรับใช้ในการควบคุมดูแลประชาชนที่ต้องกักกันตนเองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยจะพัฒนาแอปพลิเคชัน เพื่อกำหนดให้ประชาชนที่กักกันตนเอง ทำการประเมินอาการและรายงานผลให้ทราบเป็นรายวัน และสำนักงานเขตมีหน้าที่ติดตามตรวจสอบ สำหรับรายละเอียดการดำเนินงานจะต้องมีการพิจารณาประกอบกับระบบแอพพลิเคชั่นของรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้สำนักอนามัยได้ถอดบทเรียนอู่ฮั่น เพื่อนำมาจัดทำแผนป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 นั้น สรุปประเด็นสำคัญที่ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้สำเร็จ ดังนี้ 1.ห้ามโยกย้ายประชากร 2.ห้ามรวมกลุ่มจัดกิจกรรม 3.หาผู้ป่วยและแยกออกมาให้เร็วที่สุด 4.ห้ามผู้ป่วยออกมาพื้นที่สาธารณะ 5.กำหนดความเสี่ยงของบุคคล 6.ประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง 7.เพิ่มสถานที่รองรับผู้ป่วย 8.สนับสนุนปัจจัยสี่และหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะผู้ป่วย และ 9.กำหนดระยะห่างระหว่างบุคคลให้เลยพ้นระยะทางในการส่งต่อเชื้อโรค

นอกจากนี้สำนักพัฒนาสังคมและสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวได้จัดการสอนและผลิตหน้ากากอนามัยผ้าให้กับประชาชนที่สนใจโดยทำการสอน ณ สถานที่ของหน่วยงาน ดังนี้ โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร 8 แห่ง ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร 6 แห่ง ศูนย์กีฬากรุงเทพมหานคร 11 แห่ง ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร 35 แห่ง หน่วยงานอื่นของรัฐและเอกชน อาทิ ห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ พาราไดซ์พาร์ค และอื่นๆ สำหรับการผลิตหน้ากากอนามัยแจกจ่ายให้ประชาชน เริ่มผลิตตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยจำนวนหน้ากากผ้าที่ผลิตได้นับถึงวันที่ 13 มี.ค.63 โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร 8 แห่ง สามารถผลิตได้รวมทั้งสิ้น 10,901 ชิ้น แจกจ่ายแล้วรวมทั้งสิ้น 9,919 ชิ้น สำหรับแผนการสอนทำหน้ากากอนามัยผ้า ณ สถานที่หน่วยงานรัฐและเอกชน จำนวน 99 แห่ง ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 78 หน่วยงาน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 7,580 คน ผลิตหน้ากากได้ 15,160 ชิ้น สำหรับนำกลับไปใช้ในครัวเรือน (2 ชิ้น/คน) อย่างไรก็ดีขอให้ประชาชนดูแลป้องกันตนเองจากโรคโควิด–19 โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน สำหรับผู้ที่ไม่ป่วยควรใช้หน้ากากอนามัยผ้า หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ