ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายลดบริโภคเค็มร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การอนามัยโลก ผนึกความร่วมมือร่วมกันหามาตรการต่าง ๆ ร่วมกับผู้ประกอบการภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนควบคุมปริมาณโซเดียมในอุตสาหกรรมอาหาร เล็งปรับสูตรอาหารสำเร็จรูปให้ลดปริมาณเกลือ ได้แก่ กลุ่มอาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารแช่เย็นแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส

นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์

นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่าสืบเนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับวันจะทวีความรุนแรงมาก แม้ว่าทั่วโลกรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยมีมาตรการที่หลากหลายในการพยายามดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดอุบัติการณ์ของโรคแล้วก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คือ การบริโภค จากข้อมูลการสำรวจการบริโภคโซเดียมคลอไรด์หรือเกลือของประชากรไทย ในปี 2550 โดยกรมอนามัยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ประชากรไทยได้รับโซเดียมจากอาหารที่บริโภคสูงถึง 4,351.7 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่สามารถบริโภคได้เกือบ 2 เท่า

นอกจากนี้การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2552 ที่ดำเนินการโดยสำนักงานสำรวจสุขภาพประชากรไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขด้วย พบว่า ค่ามัธยฐานของการบริโภคโซเดียมอยู่ที่ 3,264 มิลลิกรัมต่อวันซึ่งเป็นการตอกย้ำจะแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยได้รับโซเดียมในปริมาณที่สูงกว่าความต้องการต่อวัน อีกทั้งองค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้การลดการบริโภคเกลือหรือโซเดียม เป็น 1 ใน 9 เป้าหมายที่สำคัญ เพื่อต่อสู้กับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอีกด้วย

จากสถานการณ์ปัญหาและเหตุผลในเบื้องต้นนั้น จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินงานเพื่อลดการบริโภคเกลือและโซเดียมในประชากรประเทศไทย โดยบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้การบริโภคเกลือและโซเดียมเป็นนโยบายสำคัญ ในการป้องกันและควบคุมปัญหาโรคไม่ติดต่อที่ต้องมียุทธศาสตร์การดำเนินงานที่ชัดเจน สามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงมีแนวทางในการผลักดันมาตรการลดโซเดียมในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ เช่น การปรับสูตรอาหาร สัญลักษณ์ในผลิตภัณฑ์อาหารเกลือสูง ได้แก่ อาหารกึ่งสำเร็จรูป พวกบะหมี่และโจ๊ก อาหารแช่เย็นแช่แข็ง ผงหรือก้อนปรุงรส และการเก็บภาษีเกลือโซเดียม โดยหวังว่าการประชุมพิจารณามาตรการการควบคุมโซเดียมในอาหารนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการจัดตั้งคณะทำงานทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เครือข่ายผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม ในการขับเคลื่อนเป้าหมายร่วมกัน และจัดทำแผนการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเพื่อเกิดประสิทธิผล ก่อนมีมาตรการทางกฎหมายต่อไป

นพ.แดเนียล เคอร์เทสซ์

ด้าน นพ.แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่าการบริโภคเกลือมากเกินไปนั้นเป็นโทษต่อร่างกาย การลดการบริโภคเกลือลงนั้นจะช่วยลดความดันโลหิต และยังลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไต องค์การอนามัยโลกแนะว่าการบริโภคเกลือโชเดียมไม่ควรเกินกว่า 5 กรัม หรือ 1 ช้อนชาต่อวัน ปริมาณเกลือที่คนไทยบริโภคส่วนมากนั้นมาจากอาหารสำเร็จรูป (ผ่านกรรมวิธี) การปรับสูตรอาหารสำเร็จรูปให้ลดปริมาณเกลือลงจะเป็นมาตรการสำคัญ ที่จะช่วยลดการบริโภคเกลือในประชากรไทย การปรับสูตรอาหารเป็นยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งใช้ได้ผลในหลายๆประเทศทั่วโลกในอันที่จะช่วยรักษาสุขภาพของประชากร