ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนดูแลสุขภาพตนเองตลอดหน้าฝน พบโรคไข้หวัดใหญ่ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องอีก 2 เดือน ทั้งนี้ขอให้ประชาชนใช้มาตรการ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากมีรายงานข่าวพบผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดตากนั้น กรมควบคุมโรค ได้ส่งทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่เพิ่มเติมแล้ว ซึ่งจากการรายงานสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการมีไข้สูง ไอมีเสมหะ เจ็บคอ และปวดศีรษะ แพทย์ได้ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เบื้องต้นพบผลบวกกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบทั่วไป และได้ส่งตรวจเพื่อยืนยันเชื้อไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว ขณะเดียวกันแพทย์ได้สั่งให้ยาต้านไวรัส oseltamivir ให้กับผู้ป่วย หลังจากนั้น 1 วัน โรงพยาบาลได้รับแจ้งผู้ป่วยหมดสติและเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล แพทย์จึงลงความเห็นว่า ผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน หรือภาวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้แต่พบได้น้อยมาก

นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า โรคไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทย โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 16 สิงหาคม 2560 มีรายงานผู้ป่วยทั่วประเทศ 67,233 ราย เสียชีวิต 10 ราย ซึ่งสถานการณ์ตลอดช่วงหน้าฝนนี้ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อไปอีก 2 เดือนจนถึงเดือนกันยายน

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก โรคไข้หวัดใหญ่ที่พบเป็นเพียงการระบาดตามฤดูกาลเท่านั้น ซึ่งจะพบมากในช่วงหน้าฝนนี้ พร้อมแนะนำประชาชนใช้มาตรการ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์ ได้แก่

1.ปิด คือปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ ควรใส่หน้ากากอนามัย

2.ล้าง คือล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่น กลอนประตู ลูกบิด ราวบันใด ราวบนรถโดยสาร

3.เลี่ยง คือหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย

และ 4.หยุด คือเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมในสถานที่แออัด แม้ผู้ป่วยจะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ หากมีอาการไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และมีไข้สูง ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็วใน 2 วัน

ประชาชนสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422