ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ครม.เห็นชอบมาตรการภาษี หนุนคนไทยมีลูกเพิ่ม เพิ่มวงเงินลดหย่อนบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปได้ 3 หมื่นบาท ไม่จำกัดจำนวนในแต่ละครอบครัว หวังปรับโครงสร้าง ประชากร พร้อมลดภาษีฝากครรภ์-ทำคลอด 6 หมื่นบาท หนุนสถานประกอบการตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ยกเว้นภาษี 1 เท่าไม่เกิน 1 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.61) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการมีบุตร โดยเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. ...มีสาระสำคัญกำหนดให้ปรับเพิ่มค่าลดหย่อนบุตรชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่คนที่ 2 เป็นต้นไป ของผู้มีเงินได้หรือของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ซึ่งเกิดตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป โดยให้หักลดหย่อนเพิ่มได้อีก 3 หมื่นบาทต่อคนต่อปี จากเดิมที่ให้หักลดหย่อนได้อยู่แล้ว 3 หมื่นบาทไม่ว่าบุตรคนก่อนหน้าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ โดยบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปจะลดหย่อนได้คนละ 3 หมื่นบาท โดยให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี 2561 ที่จะต้องยื่นรายการในปี 2562 เป็นต้นไป

ลดหย่อนภาษี "ฝากครรภ์-คลอด"

ขณะเดียวกันเห็นชอบร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่...) พ.ศ. ...ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสสามารถนำค่าฝากครรภ์หรือค่าคลอดบุตรไปหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริงสำหรับการตั้งครรภ์แต่ละคราวแต่ไม่เกิน 6 หมื่นบาท

ทั้ง 2 มาตรการดังกล่าวจะทำให้กระทรวงการคลังสูญเสียรายได้ 2,500 ล้านบาท แบ่งเป็นมาตรการลดหย่อนภาษีบุตรคนที่ 2 ขึ้นไป 1,500 ล้านบาท และจากการให้นำค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรมาลดหย่อนภาษีอีก 1,000 ล้านบาท

เว้นภาษีสถานประกอบการตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็ก 1 เท่าไม่เกิน 1 ล้านบาท

ครม.ยังเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กเพื่อเป็นสวัสดิการของลูกจ้างสำหรับสถานประกอบการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลโดยเห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. ... โดยให้นำค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ในสถานประกอบการมาหักเป็นรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริงและสามารถหักได้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท

กระทรวงการคลังคาดว่าจะสูญเสียรายได้จากการดำเนินมาตรการดังกล่าวไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปีหรือไม่เกิน 60 ล้านบาทในช่วง 3 ปี แต่จะจูงใจให้มีการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กเพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เด็กในช่วงปฐมวัยมีคุณภาพชีวิตและพัฒนาการ ที่ดีขึ้น

มีรายงานว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กในสถานประกอบการตั้งแต่ 10 มิ.ย. 2554 จนถึง 31 ธ.ค. 2558 เพื่อจูงใจให้สถานประกอบการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กมากเพิ่มขึ้นโดยให้ ผู้ประกอบการหักค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กได้ในเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ปรากฏว่าเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาพบว่าไม่มีผู้ประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวเนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขในส่วนของการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กที่มีการตั้งหลักเกณฑ์การเปิดศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่เข้มข้นได้ ส่วนมาตรการใหม่จะไม่เข้มงวดมากแต่ยังคงเน้นเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัย