ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กมธ.สาธารณสุข สนช. เยี่ยมศึกษาดูงาน “กองทุนบัตรทอง” ห่วงงบประมาณไม่เพียงพอ พร้อมแนะปรับระบบสอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน ด้าน สปสช.แจง ปี 62 เตรียมปรับฐานคำนวณใหม่ หลังรองนายกฉัตรชัย แนะของบให้เพียงพอ แก้ปัญหาไม่ต้องของบกลางเพิ่มทุกปี พร้อมลุ้น ครม.พิจารณาอนุมัติงบกลาง หนุนงบผู้ป่วยในกองทุนบัตรทอง

ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ – เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2561 พล.อ.โปฎก บุนนาค รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข คนที่ 3 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พร้อมด้วยกรรมาธิการการสาธารณสุข (กมธ.สาธารณสุข) ได้เยี่ยมศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความเห็นในการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 โดยมี นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และคณะผู้บริหาร สปสช. ให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลและตอบข้อซักถาม

พล.อ.โปฎก กล่าวว่า องค์กรด้านสุขภาพนับเป็นองค์กรมีความสำคัญที่สุด เพราะต้องดูแลสุขภาพประชาชนตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนเสียชีวิตลง ทั้งงบประมาณด้านสุขภาพนับวันจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามตัว จากความเจริญการแพทย์ที่ก้าวหน้า อายุประชากรที่ยืนยาวขึ้น และอัตราเสียชีวิตที่ลดลง ดังนั้นทำอย่างไรให้งบประมาณที่ได้รับเพียงพอต่อการดูแลสุขภาพประชาชนทั้งหมด ซึ่งระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินับเป็นโครงการที่ดี ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างครอบคลุมและทั่วถึง แต่ทำอย่างไรทำให้ระบบที่มีอยู่ขณะนี้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะงบประมาณ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ทำงานด้วยความสบายใจ ประชาชนได้รับการดูแลที่ดี ทั้งนี้การเยี่ยมดูงานการดำเนินหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในวันนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศที่ดี

ทั้งนี้ที่ประชุมโดย กมธ.สาธารณสุข ได้ซักถามแนวทางแก้ปัญหาความเพียงพอของงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในระยะยาว เนื่องจากที่ผ่านมาต้องมีการของบกลางเพิ่มเติมจากรัฐบาลเพื่อสนับสนุน การแก้ไขปัญหา รพ.ขาดทุน และการบริหารกองทุนต่างๆ ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ความพอเพียงของงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินับเป็นปัญหาสำคัญในการดำเนินระบบฯ เนื่องจากแต่ละปีงบประมาณที่ สปสช.ได้รับ จะได้รับต่ำกว่างบที่เสนอขาขึ้นเสมอ โดยในปีงบประมาณ 2560 นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ได้นำทีมเข้าพูดคุยถึงปัญหางบประมาณที่ไม่เพียงพอกับนายกรัฐมนตรี จนได้รับอนุมัติงบกลางเพื่อสนับสนุนเพิ่มเติม และในปี 2561 นี้ นพ.ปิยะสกล ยังเป็นผู้นำทีมเข้าพูดคุยกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณปี 2561 จากงบกลางเพิ่มเติมอีก โดยจะมีการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) ซึ่งรอต้องดูว่าจะได้รับอนุมัติงบเพิ่มเติมตามที่เสนอหรือไม่

อย่างไรก็ตามจากที่ พล.อ.ฉัตรชัย ได้ลงมาดูงบประมาณด้านสุขภาพด้วยตนเอง โดยได้มอบนโยบายให้มีการจัดทำงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้เพียงพอ โดยไม่ต้องขอเพิ่มเติมจากงบกลางทุกปี ดังนั้นในปีงบประมาณ 2562 จะเป็นปีแรกที่จะมีการตั้งฐานปรับอัตราการคำนวณใหม่ โดยเฉพาะงบผู้ป่วยใน ซึ่งหากเป็นไปตามที่เสนอจะทำให้สถานการณ์งบประมาณในระบบดีขึ้น

“ในปี 2562 นี้ จะเป็นปีแรกของการตั้งฐานการคำนวณงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติใหม่ ซึ่งจะทำให้ปีต่อไปงบประมาณที่เข้าสู่ระบบเพิมขึ้น ส่งผลให้ปัญหางบประมาณไม่เพียงพอลดลง อย่างไรก็ตามหากยังคงมีปัญหางบไม่เพียงพอ คงต้องชะลอสิทธิประโยชน์ใหม่เพิ่มเติมซึ่งมีไม่มากแล้ว การปรับประสิทธิภาพการบริหาร แต่ยังคงไม่ถึงจุดที่จะรบกวนประชาชน ซึ่งหากปี 2562 งบประมาณที่ได้รับไม่ต่ำเกินไป ระบบยังคงเดินหน้าต่อไปได้” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว และว่า ในการจัดทำระบบบัญชีและการเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ในปีนี้ สปสช.ยังจะมีการจ้างที่ปรึกษาระบบบัญชีระดับโลก มาช่วยวางระบบบัญชีเพื่อทำให้การกระจายงบประมาณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ผ่านมายังมีการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ สปสช. เพื่อแก้ปัญหาการบริหารงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในโรงพยาบาลสังกัด สธ. มีการพูดคุยกันในทุกเดือน โดย รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน เพื่อหารือว่าจะดำเนินนโยบายต่างๆ อย่างไร ทั้งยังมีการทำงานร่วมกันในระดับคณะกรรมการ 7x7 และคณะกรรมการระดับเขต 5x5 ซึ่งช่วยแก้ความขัดแย้งและลดอุปสรรคต่างๆ ได้มาก ซึ่งจากรายงานงบโรงพยาบาล สธ. ไตรมาสแรก ปี 2561 เป็นปีแรกที่ไม่มีรายงานโรงพยาบาลขาดสภาพคล่อง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง