ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“หมอสุปรีดา” แจงบทบาท สสส.ช่วงวิกฤต โควิด-19 เผยทำงานกับกรมควบคุมโรค วอร์รูมการสื่อสารของ สธ.ตั้งแต่ ม.ค. พร้อมสนับสนุนการสื่อสารทุกรูปแบบด้วยความเชี่ยวชาญและทุกทรัพยากรที่มี ล่าสุดเป็น #ไทยรู้สู้โควิด ปรับแผนการทำงานมุ่งเน้นป้องกัน แก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ต่อยอดตำบลสุขภาวะกว่า 2,600 ตำบลเป็นต้นแบบจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังโรคระบาดระดับตำบล

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563 ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โพสต์ Facebook ส่วนตัว ถึงบทบาทของ สสส.ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้

สสส. หายไปไหน?

หลายวันที่ผ่านมา มีคำถามถึงว่า สสส. หายไปไหน ในบทบาทของการร่วมป้องกันแก้ไขปัญหาจากโควิด-19 วนเวียนเข้ามาจากหลายแหล่ง

อาจเริ่มจากคนที่คอยเฝ้าดูอยู่ กระจายไปในหมู่พันธมิตรเครือข่าย จนกระจายในหลายๆ คนที่รู้จัก สนใจ เคยร่วมงานกับ สสส.

คน สสส. ต่างช่วยกันตอบไปเท่าที่จะตอบได้ ว่าเราได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และจะทำอะไรต่อไปอีก

แต่หลายคนก็โต้กลับมาว่า ก็คนส่วนใหญ่เขายังไม่เห็นนี่นา

เราจึงได้ตระหนักเพิ่มขึ้นว่า คำถามนี้อาจเกิดจากการที่มีคนจำนวนมากที่รับรู้ถึง สสส. ต่างจากองค์กรอื่นๆ นั่นคือ

“การไม่เห็นโลโก้ “สสส.” การไม่เห็นโฆษณาของ สสส. คือ สสส. ไม่ได้ทำงาน”

ทั้งที่ในความเป็นจริง สสส. เข้าไปประสานลงมือทำเรื่องโควิด-19 ร่วมกับกรมควบคุมโรค วอร์รูมการสื่อสารกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่เดือนมกราคม เราเริ่มทำก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมโรคอุบัติใหม่ของชาติด้วยซ้ำไป สสส. สนับสนุนการสื่อสารทุกรูปแบบด้วยความเชี่ยวชาญและทุกทรัพยากรที่มี (ล่าสุดเป็น #ไทยรู้สู้โควิด) ฯลฯ และช่วยทำโจทย์สื่อสารที่ยังมีช่องว่าง จัดทำสิ่งพิมพ์กระจายในแต่ละกลุ่มเป้าหมายเฉพาะรวมกว่าแสนชุด และปรับการรณรงค์ช่วงสงกรานต์ทั้งหมดมาสื่อสาร เพื่อกระตุ้นคนไทยร่วมลดการแพร่ระบาดโรค ด้วยความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและสังคม โดยเฉพาะในประเด็นระยะห่างทางสังคม

ขณะเดียวกัน สสส. ปรับแผนการทำงานทุกแผน ให้มุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 เป็นลำดับสำคัญ โดยต้องเป็นแผนการทำงานที่สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ และเติมเต็มช่องว่างการทำงานที่มีอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ที่ต่อยอดตำบลสุขภาวะกว่า 2,600 ตำบลให้เป็นต้นแบบจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังโรคระบาดระดับตำบล เพื่อรับปัญหาที่เริ่มกระจายตัวจากเมืองใหญ่ อีกทั้งสนับสนุนงบประมาณร่วมร้อยล้านบาทตรงไปที่ 878 อำเภอ ผ่านคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ให้เป็นพี่เลี้ยงในเรื่องนี้ รวมถึงงานในประชากรกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ อีกมากมาย

แม้จะเป็นงานแนวหลัง แต่ตอนนี้ เวลานี้ คือนาทีที่ทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อป้องกันและแก้ไขสถานการณ์โควิด-19

“ไม่จำเป็นต้องเห็นโฆษณาของ สสส ไม่เห็นโลโก้ สสส. ไม่ต้องรู้ว่า สสส.และภาคีเครือข่ายทำอะไร ขอแค่ท่านได้รับประโยชน์จากสิ่งที่พวกเรากำลังทำ และจะทำต่อไปก็พอ”

“ตัวตน” ของ สสส.” คือการทำงานสร้างเสริมสุขภาพที่ต้องใช้มาตรการหลากหลาย อาทิ การสร้างต้นแบบในพื้นที่ ผลักดันนโยบาย ผลักดันกฎหมาย การสื่อสารเป็นเพียงหนึ่งในมาตรการเหล่านั้น แต่อาจมีคนไม่มากนักทราบเรื่องงานผลักดันนโยบายของ สสส. ที่ได้สนับสนุนให้เกิดกฎหมายที่ช่วยสร้างสุขภาพมาแล้วกว่าร้อยฉบับ นโยบายระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ท้องถิ่น องค์กรอีกนับไม่ถ้วน หรือเรื่องการสร้างต้นแบบในองค์กรหรือพื้นที่และขยายผลสู่การปฏิบัติในวงกว้าง จนเป็นบรรทัดฐานสำคัญในสังคม ในนับหมื่นองค์กร หลายพันตำบล ฯลฯ

เมื่อผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ ที่เราจะเป็นแนวหลังอันแข็งแกร่งให้กับแนวหน้าทุกแนว ให้ชนะไปด้วยกันแล้ว เราคงจะมีโอกาสสื่อสารกลไกการทำงานสร้างเสริมสุขภาพแบบ สสส. ในเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆ มากขึ้นต่อไป

ยามนี้ ผมจึงเพียงอยากจะส่งสารถึงคนที่รู้จักและเข้าใจ สสส. อย่างจำกัดว่า

แม้ท่านจะไม่เห็นโฆษณาของ สสส. แต่โปรดได้รับรู้ว่า สสส. และภาคีเครือข่ายยังทำงานและสร้างผลงาน สร้างเสริมสุขภาพของประชากรกลุ่มต่างๆ อยู่ ด้วยมาตรการและกิจกรรมที่หลากหลายอยู่ในสังคมรอบตัวท่าน

และภาคีทุกภาคส่วนได้ปรับหน้างานของพวกเขามารองรับวิกฤติโควิด-19 กันอย่างกว้างขวางแล้ว