ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุขเผยเตรียมพร้อม “ยาฟาวิพิราเวียร์” รักษาโควิด-19 ชี้ 6 เม.ย.นี้จะได้ยา 1 แสนเม็ด จากปัจจุบันมีแล้ว 8.7 หมื่นเม็ด หากรอบริจาคอาจไม่เพียงพอรักษาผู้ป่วย

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.63 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีญี่ปุ่นจะบริจาคยาฟาวิพิราเวียร์จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไทยจะซื้อทำไม ว่า ยังไม่มีการให้แต่อย่างใด และจากการติดต่อไม่เป็นทางการกับคนรับผิดชอบเรื่องนี้ที่ญี่ปุ่น ปรากฏว่า บริษัทฟูจิฟิล์ม มีไลเซนในการผลิต และอยากทำการศึกษาวิจัยทั่วโลก และจะให้ยาฟรีเฉพาะประเทศที่จะร่วมศึกษาวิจัย ไม่ใช่รักษาคนไข้ทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่นิ่ง เพราะยาตัวนี้มีรายการจากการรักษาจริงว่าได้ผล ประเทศไทยจึงนำมาใส่ไว้ในสูตรรักษา แต่ญี่ปุ่นอยากทำการศึกษาวิจัยให้ชัดเจน ต้องมีการทดลองวิจัยเปรียบเทียบที่ให้ยากับไม่ให้ยา ซึ่งญี่ปุ่นจะทำ

“เท่าที่ทราบมีการติดต่อกับโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยคนไข้เป็นหลักร้อยคน แต่จากข้อมูลการใช้เม็ดยา พบสูงสุดถึง 2,000 เม็ด ดังนั้นการศึกษาวิจัยจะได้ประมาณ 7,000 เม็ด แต่ไทยต้องเตรียมพร้อมเป็นแสนเม็ด ดังนั้น กรณีเป็นงานวิจัย ซึ่งไม่พอแน่นอน แต่ในวันพรุ่งนี้ (6 เม.ย.) จะมีกาประชุมผู้เชี่ยวชาญเรื่องแนวทางการรักษา ก็จะมีการปรับการรักษาจากการใช้ยาด้วย” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า สำหรับยาฟาวิพิราเวียร์นั้น ในช่วงแรกเราซื้อมาจากญี่ปุ่นจำนวน 5,000 เม็ด และมีการบริจาคจากจีน 2,000 เม็ด และในเดือน มี.ค. ได้ซื้อจากญี่ปุ่นอีก 40,000 เม็ด และล่าสุดวันที่ 30 มี.ค. ซื้อจากญี่ปุ่นอีก 40,000 เม็ด รวมแล้ว 87,000 เม็ด โดยมีแผนจัดหาเพิ่มด้วยการสั่งซื้อจากจีน 100,000 เม็ด ซึ่งจะส่งมอบวันที่ 6 เม.ย. และจะซื้อเพิ่มจากญี่ปุ่นอีก 100,000 เม็ด

ด้าน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ขอย้ำว่าเราไม่สามารถรอยาบริจาคได้ เพราะมีความไม่แน่นอน ขณะที่คนไข้เราปัจจุบันมีประมาณ 2,000 ราย หากไม่มียาเตรียมพร้อม ตัวเลขอาจมากขึ้น ปัจจุบันเราจ่ายยาไปเกือบ 4.9 หมื่นเม็ดแล้ว