ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สถานการณ์โรคโควิด-19 (12 เม.ย.) ติดเชื้อลดลง รายใหม่ 33 คน ยอดรวมสะสม 2,551 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 คน รวมเสียชีวิต 38 คน ขณะที่บุคลากรการแพทย์ติดเชื้อเพิ่มอีก 7 คน

เวลา 11.30 น. วันที่ 12 เม.ย.2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ (12 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 33 ราย โดยผู้ป่วยสะสมรวม 2,551 ราย กระจาย 68 จังหวัดทั่วประเทศ หายป่วยและกลับบ้าน 1,218 ราย กำลังรักษาใน รพ. 1,295 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมผู้เสียชีวิต 38 ราย

สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย

รายที่ 1 (เคสที่ 36) เป็นชายไทยอายุ 74 ปี มีโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง มีประวัติไปตลาดนัด และมีการรวมกลุ่มในครอบครัว เข้ารับการรักษาด้วยอาการไข้ที่ จ.นครศรีธรรมราช ปวดเสียดท้อง ถ่ายเป็นสีดำ เพราะมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ก่อนที่อาการจะทรุดลง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

รายที่ 2 (เคสที่ 37) เป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 65 ปี เป็นโรคอ้วน และไขมันในเลือดสูง มีประวัติเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ จ.ชุมพร ในวันที่ 20-26 มี.ค. ก่อนจะมีอาการไข้ ไอ เหนื่อย เพลีย แล้วเข้ารับการตรวจในวันที่ 1 เม.ย. เข้ารับการรักษาค่อนข้างช้า พอหลังจากนั้นกลับบ้านก็เหนื่อยหอบ กลับม ารพ.อีกครั้ง กระทั่งเสียชีวิต 11 เม.ย.

รายที่ 3 (เคสที่ 38) เป็นชายไทยอายุ 44 ปี เข้ารับการรักษาใน รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ซึ่งอาการหนักตั้งแต่แรกรับ โดยรักษาด้วยการใช้ยาหลายขนาน แต่ปรากฏว่าอวัยวะล้มเหลวหลายส่วน เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา

ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ 33 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ แบ่งเป็น

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 31 ราย ดังนี้

1.1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 17 ราย

- การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 15 ราย

- สถานบันเทิง 2 ราย

1.2 ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยรายก่อนหน้า 10 ราย

- คนต่างชาติเดินทางมาจากต่างประเทศ - ราย

- คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 1 ราย

- ไปสถานที่ชุมนุม เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 1 ราย

- อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดชาวต่างชาติ 1 ราย

- บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข 7 ราย (กรุงเทพ 5 ราย)

1.3 อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 4 ราย

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยที่เดินทางจากต่างประเทศ 2 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า โดยผู้ป่วยกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ แต่ยังพบในกรุงเทพฯ สูงสุด รองลงมาคือ ภูเก็ต นนทบุรี สมุทรปราการฯ ส่วนจังหวัดที่ยังไม่พบรายงานผู้ป่วย มี 9 จังหวัด คือ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง อย่างไรก็ตาม กลุ่มอายุที่พบคือ 20-29 ปี และอายุ 30-39 ปี ยังพบมาก ดังนั้น ยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากไม่กลับได้จะดีมาก เนื่องจากอาจนำเชื้อไปติดครอบครัว พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือถ้าอยู่ด้วยกันต้องอยู่ให้ห่าง 2 เมตร และสวมหน้ากากผ้าป้องกันทุกคน

“แม้ขณะนี้เราดูแลพี่น้องคนไทยไม่ให้มีการระบาดของโรค แต่ทั่วโลกยังสถานการณ์น่าเป็นห่วง โดยปัจจุบันสถานการณ์ทั่วโลก 208 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ ณ วันที่ 12 เม.ย. เวลา 10.00 น. มีผู้ติดเชื้อรวม 1,780,314 ราย อาการหนักรักษาใน รพ. 50,592 ราย หายแล้วจำนวน 404,031 ราย แต่เสียชีวิต 108,827 ราย ทั้งนี้ ประเทศที่พบการเสียชีวิตมากที่สุด คือ สหรัฐ สูงถึง 20,577 ราย อย่างที่เห็นภาพการขุดพื้นที่ฝังศพ ซึ่งหดหู่ใจมาก ตอนนี้นิวยอร์ก กลายเป็นเมืองที่ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งเป็นบทเรียนที่จะได้เรียนรู้กันทั้งโลก ซึ่งขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทยจะพบน้อยลง แต่อย่าการ์ดตก เพราะประเทศรอบข้างก็พบมากขึ้น อย่างอินโดนีเซีย ที่เรามีคนไทยเดินทางกลับ และพบติดเชื้อนั้น ล่าสุดอินโดนีเซีย พบติดเชื้อเพิ่ม 330 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 3,842 ราย พบเสียชีวิตรวม 327 ราย ซึ่งเราต้องดูแลคนไทยที่กลับมา เพราะยังมีความเสี่ยง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการต่างๆ ออกมา ดังนั้น แม้วันนี้ตัวเลขดี ก็ยังต้องดูระยะยาวอีก