ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุขย้ำ หลังผ่อนปรนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขอให้จัดระเบียบ จัดคิว เว้นระยะห่าง ซื้อขายเหล้าเบียร์ พร้อมกำชับเวลาห้ามจำหน่าย ผิดพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงการณ์สถานการณ์โควิด-19ในประเทศไทย ว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 18 ราย เป็นผู้ป่วยจากการค้นหาเพิ่มเติมในอ.สะเดา โดยเป็นกลุ่มต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ทั้งนี้ สำหรับอาการยังพบน้อย เพราะเกิดในกลุ่มอายุน้อยเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ไม่มีผู้ป่วยรายงานจากกรุงเทพฯ และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยสะสม 2,987 ราย รักษาในรพ.193 ราย ส่วนใหญ่กลับบ้านแล้วมากกว่า 90% ดังนั้น เห็นได้ว่าไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม นอกจากการค้นหาเพิ่มเติม

“ส่วนที่มีการผ่อนปรนนั้น พบว่าประชาชนเดินทางมากขึ้น ซึ่งสัปดาห์หน้าอาจพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นได้ จึงต้องขอให้มีความระมัดระวังมากขึ้นด้วย อย่างเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของการผ่อนปรน ก็จะเห็นภาพคนไปซื้อของจำนวนมาก แต่ก็จะเห็นว่า คนตระหนักตรงยังสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่การจับจ่ายใช้สอยพบมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ได้จับจ่ายมานาน รวมทั้งสุรา ซึ่งจริงๆ ตามกฎหมาย ให้ซื้อได้ในเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. (ปัจจุบันเคอร์ฟิว 22.00-04.00น.) เท่านั้น ดังนั้น ต้องย้ำว่า ทางห้าง ทางร้าน และผู้ซื้อต้องเข้าใจตรงนี้ และวันที่ 6 พ.ค. จะเป็นวันวิสาขบูชา เป็นวันพระใหญ่ ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 จะไม่สามารถจำหน่าย หรือซื้อได้” นพ.โสภณ กล่าว

เมื่อถามถึงภาพที่มีการแพร่ในโซเชียลฯ ว่า ประชาชนบางกลุ่มไปแย่งซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นพ.โสภณ กล่าวว่า ก็เหมือนสินค้าอื่นๆ ควรมีการจัดระเบียบลดการสัมผัสใกล้ชิด เป็นหน้าที่ของสถานประกอบการ ห้างร้านที่ต้องจัดระบบ เพื่อลดความเสี่ยงตรงนี้ ซึ่งตนคิดว่า ภาพที่ออกมานั้น หลายสถานที่น่าจะได้รับคำแนะนำการจำหน่ายแล้ว และจริงๆ ก็ไม่ต้องไปแย่งซื้อ ไม่ต้องไปมุง เพราะเชื่อว่าสินค้ามีเพียงพออยู่แล้ว ดังนั้น เข้าแถวให้เป็นระเบียบ เว้นระยะห่าง ลดความเสี่ยง จึงขอให้ทางร้านดำเนินการตรงนี้ด้วย

นพ.โสภณ กล่าวว่า ทั้งหมดขอให้พวกเราทุกคนตระหนักถึงความสำคัญในการสวมใส่หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย และเว้นระยะหว่างทางสังคม เว้นระยะอย่างน้อย 1-2 เมตร เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม จะมีการระบาดระลอก 2 หรือไม่ สิ่งหนึ่งที่เป็นสัญญาณสำคัญ คือ การเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ก็เป็นตัวชี้วัดได้ เพราะจะไม่ดูแค่ผู้ป่วยโควิด-19 แต่จะรวมถึงโรคทางเดินหายใจ อย่างไข้หวัดใหญ่ด้วย

“ดังนั้น ในช่วงสัปดาห์นี้หน่วยงานต่างๆ จะเฝ้าระวังโรคทางเดินหายใจ และจะติดตามดูจำนวนผู้ป่วย ผุ้ติดเชื้อ ดูเปอร์เซ็นต์ของคนที่ได้รับการวินิจฉัยคนเป็นโควิด-19 ของจำนวนส่งตรวจ ประกอบกับพิจารณาจากพฤติกรรมการป้องกันตัวเองของประชาชน ทั้งสวมใส่หน้ากาก การล้างมือ การเว้นระยะห่างทั้งในชุมชน และการใช้บริการต่างๆ ที่สำคัญสัญญาณชัดเจนที่สุดคือ จำนวนผู้ป่วย หากเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ก็ต้องรีบค้นหาว่า มาจากจุดไหน ทั้งหมดต้องจับตาดูและติดตามประเมินผลเป็นระยะและต่อเนื่อง” นพ.โสภณ กล่าว