ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชยื่นร้องสอดคดีบริษัทสารเคมี ฟ้องศาลปกครองเพิกถอนประกาศแบนสารพาราควอต-คลอร์ไพริฟอส เตรียมนำเสนอข้อมูลผลกระทบ 2 สารพิษ

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช(ไทยแพน) ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN)  ว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 ส.ค. 2563 ณ ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ ว่า ภายหลังจากเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2563 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2563 กำหนดให้สารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมร้ายแรง เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามมิให้มีการผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน หรือการมีไว้ในครอบครอง โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นมานั้น

ปรากฏว่า บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด บริษัทผู้ประกอบการผลิตและนำเข้าสารเคมีการเกษตรรายใหญ่ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้ยื่นฟ้องกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องรวม 5 รายต่อศาลปกครองกลาง โดยมีคำขอให้ศาลเพิกถอนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2563 และคำสั่งกรมวิชาการเกษตร ที่ 750/2563 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะมีผลให้สามารถมีการนำเข้าและจำหน่ายสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอสได้ต่อไป ทั้งๆที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เองได้ห้ามใช้พาราควอตมากว่า 20 ปีแล้ว

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และมูลนิธิชีววิถี ในฐานะตัวแทนเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thailand Pesticide Alert Network: Thai-PAN)” ซึ่งเป็นเครือข่ายความร่วมมือของกลุ่มนักวิชาการจากหลากหลายสาขา องค์กรสาธารณประโยชน์ด้านการเกษตรและการคุ้มครองผู้บริโภค และกลุ่มเกษตรกรที่ได้ร่วมกันศึกษาติดตามข้อมูลปัญหาความเป็นอันตรายและผลกระทบจากการใช้สารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส และได้รณรงค์สื่อสารข้อมูลต่อสาธารณะและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เห็นว่าการออกประกาศแบนสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับข้อมูลวิชาการความเป็นอันตรายร้ายแรงและผลกระทบจากการใช้สารเคมีทั้ง 2 ชนิด ตรงตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 มาตรา 18 แล้ว คือ “เพื่อประโยชน์แก่การป้องกันและระงับอันตรายที่อาจมีแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม” กับทั้งหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงสาธารณสุข สภาเกษตรกรแห่งชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ตรวจการแผ่นดิน และแพทยสภา ก็ได้มีความเห็นข้อเสนอตรงกันให้แบนสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส

“เครือข่ายฯ จึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิร้องสอด ขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามในคดีนี้เพื่อเข้าร่วมนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมจากที่หน่วยงานราชการชี้แจงต่อศาลปกครอง เพื่อให้ผลคำพิพากษานำไปสู่การคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ผู้บริโภค เกษตรกร และปกป้องประโยชน์ของสาธารณะและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง คดีหมายเลขดำที่ ส.12/2563 ศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม”