ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายแอลกฮอล์ฯ เข้าพบ สภ.รัตนาธิเบศร์ ทวงถามความคืบหน้า กรณีนายทุนเหล้าทำผิดกฎหมายลอยนวล ชี้ผ่านมา 5 ปี ตำรวจยังไม่ส่งฟ้องคดี จ่อขาดอายุความ

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ และเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.อ.ธีรวัจน์ ขจรเกียรติภาส ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อทวงถามความคืบหน้าและขอให้ตำรวจเร่งส่งฟ้องคดี ตามความผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ก่อนจะหมดอายุความสิ้นปีนี้

นายคำรณ กล่าวว่า จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษห้างสรรพสินค้า ร้านค้าในคดีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา26 และประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เกี่ยวกับฉลากของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2558 ตรวจสอบพบกระทำความผิด เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2558 จนขณะนี้ ผ่านมานานกว่า 5 ปี จนคดีใกล้จะหมดอายุความ ภายในสิ้นปี 2563 นี้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ได้ส่งฟ้องคดีและดำเนินการใดๆ

“ทางเครือข่ายฯ มีความกังวลใจอย่างยิ่ง เพราะความล่าช้าของตำรวจที่ยังไม่ทำเรื่องสั่งฟ้อง และอายุความใกล้จะหมด เกรงว่าหากขั้นตอนยังล่าช้า จะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษไม่ได้ แต่หากคดีนี้เร่งนำตัวผู้ทำผิดมารับโทษตามกฎหมายได้ จะถือเป็นกรณีตัวอย่าง ทำให้กลุ่มธุรกิจอื่นๆไม่กล้าทำผิดซ้ำอีก กฎหมายต้องบังคับใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ไม่ถูกครหาว่าเลือกปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจที่ทำผิดกฎหมาย มุ่งจับแต่รายเล็กรายน้อย” นายคำรณ กล่าว

ด้านนายชูวิทย์ กล่าวว่า สำหรับความผิดของนายทุนน้ำเมา และห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ ที่คดีผ่านมานานกว่า 5 ปีไม่มีความคืบหน้า รวมทั้งสิ้น 5 คดี มี 3 คดีแรก กำลังจะหมดอายุความ ซึ่งการที่เครือข่ายฯมาทวงถามความคืบหน้า เพื่อเตือนความจำว่าผู้บังคับใช้กฎหมายต้องตรงไปตรงมา ไม่เพิกเฉยหรือเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุน ซึ่งเราจะติดตามอย่างใกล้ชิดและหากไม่มีการดำเนินการใดๆปล่อยจนหมดอายุความ จะนำข้อมูลร้อง ปปท. ตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ฉลากที่ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องไม่มีข้อความ 2 ประเภท คือ1.ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค เช่น ข้อความที่เป็นเท็จ เกินความจริง ข้อความที่ก่อให้เกิดความแตกแยก 2.ข้อความอวดอ้างสรรพคุณ มีรูปดารา นักร้อง นักแสดงที่มีชื่อเสียง หรือชักจูงให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงโดยอ้อม และไม่ว่าข้อความจะอยู่ในขวด กระป๋อง หรือวัสดุใดที่ห่อหุ้ม ต้องห้ามโฆษณาสื่อสารการตลาดใดๆที่เชิญชวนให้ซื้อมากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม ประกาศฉบับนี้ที่ออกมาในปีพุทธศักราช 2558 ไม่ได้ห้ามหรือเป็นอุปสรรคทางการค้า แต่เป็นการห้ามกรณีที่มีถ้อยคำหรือข้อความที่ไม่เป็นธรรม อวดอ้างให้ดื่มโดยตรงโดยอ้อม เกิดผลเสียต่อผู้บริโภค หากยังมีการผลิตหรือนำเข้า ตามประกาศฉบับใหม่ ต้องมีโทษจำคุก1ปี ปรับ1แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ พ.ต.อ.ธีรวัจน์ ขจรเกียรติภาส ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ กล่าวภายหลังรับเรื่องว่า ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายอย่างเคร่งครัดภายในอายุความแน่นอน ทั้งนี้ในจำนวน5คดีนั้น ดำเนินการไปแล้ว3 คดี ส่งหลักฐานไปที่สคอ.เปรียบเทียบปรับ ส่วนอีก2คดี อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกมารับทราบและแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งนัดหมายกับพนักงานสอบสวนวันจันทร์ที่5ต.ค. ทั้ง2บริษัทรับรู้รับทราบแล้ว และยินดีเข้ามาพบพนักงานสอบสวน

“ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจหรือเลือกปฏิบัติ ขอยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สภ.ภาค 1 ให้ความสำคัญ ติดตามดำเนินคดี ตามพ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ มาตลอด เราให้ความเป็นธรรมทั้ง2ฝ่าย และคดีทั้งหมดจะดำเนินการเสร็จภายในอายุความแน่นอน ซึ่งจะสิ้นสุดกลางเดือนตุลาคมนี้” พ.ต.อ.ธีรวัจน์ กล่าว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง