ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุขเปิดข้อมูลจำแนกปัจจัยเสี่ยงติดโควิด-19 มากสุดจากการค้นหาเชิงรุก 44.38% รองมาแรงงานต่างชาติ 39.76% สถานที่ชุมชน ตลาด 39.69% สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน นำเชื้อติดคนในครอบครัว ร้านอาหารฯลฯ ติดเชื้อ  60 จังหวัด

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 ม.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ทั่วโลก 92 ล้าน ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันเสียชีวิตสะสม 1,970,030 คน โดยสหรัฐยังมากที่สุด ส่วนไทยอยู่อันดับ 128 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มาเลเซียพุ่งขึ้นไปถึง 3,309 รายในวันเดียว ซึ่งมาเลเซียประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศในวันที่ 13 ม.ค. โดยห้ามเดินทางทั่วประเทศ

สำหรับประเทศไทยป่วย 157 ราย ติดเชื้อในประเทศ 132 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 25 ราย ตัวเลขสะสมอยู่ที่ 10,991 ราย ติดเชื้อในประเทศ 8791 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก 3,006 ราย โดยไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยังคงที่ 67 ราย ทั้งนี้ ในส่วนรายงานสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.63-13 ม.ค.64 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 6,754 ราย เป็นติดเชื้อในประเทศ 3,317 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก 3,006 ราย หายป่วยแล้ว 2,996 ราย กำลังรักษาในรพ. 2,240 ราย และอยู่ในรพ.สนามและอื่นๆ อีก 1,511 ราย

สำหรับกราฟผู้ติดเชื้อวันนี้ทรงๆตัว ดีกว่าวันก่อนที่ตัวเลขพุ่งมาก ซึ่งตรงนี้ทุกคนมีส่วนร่วมในการดึงให้กราฟติดเชื้อลดลงมา อย่างไรก็ตาม สำหรับรายจังหวัดนั้น กทม.พบติดเชื้อ 24 รายโดยเป็นเพศชาย 12 ราย มีอายุ 9 เดือน ขณะที่สมุทรสาคร ก็พบอายุน้อยตั้งแต่ 5 ขวบก็มี ส่วนการค้นหาเชิงรุกในชุมชนอย่างระยองก็พบเด็กอายุ 12 ปี และเด็กอายุ 9 ปี เห็นได้ว่า ทุกคนมีโอกาสติดเชื้อหมด เราจึงต้องระมัดระวังในการปฏิบัติมาตรการป้องกันเชื้อให้ดียิ่งขึ้น ทั้งสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดมีจังหวัดใหม่ที่ติดเชื้อเพิ่ม คือ จ.พิษณุโลก ซึ่งเพิ่มมา 1 ราย เป็นผู้ทำงานบริษัทขนส่ง มีภูมิลำเนาหนองบัวลำภู โดยกลับมาพิษณุโลก และทราบผลเมื่อวันที่ 11 ม.ค. รวมผู้ป่วยติดเชื้อ 60 จังหวัดจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ

โดยจังหวัดที่มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 50 ราย หรือโซนสีแดงมี 10 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้ป่วยสะสม 11-50 รายหรือสีส้ม มี 12 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้ป่วยสะสม 1-10 รายมี 38 จังหวัด จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อน 17 ราย อย่างไรก็ตาม ในกลุ่ม 38 จังหวัดขอให้คงที่ตรงนี้ และขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค

ทั้งนี้ มี 10 จังหวัดที่มีมากกว่า 50 เคส คือ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง กรุงเทพฯ สมุทรปราการ จันทบุรี นนทบุรี นครปฐม อ่างทอง และปทุมธานี ซึ่งหากทุกภาคส่วนใน 10 จังหวัดร่วมมือกัน ดูแลสุขลักษณะส่วนตัว ไม่มีการเล่นพนัน ไม่มีการเที่ยวสถานบันเทิงผิดกฎหมาย ฯลฯ ก็ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยลงได้ เพราะตัวเลขกลุ่มนี้มีมาก หากลดลงได้จะช่วยภาพรวมทั้งหมด รวมทั้งจังหวัดอื่นๆก็ต้องช่วยกันหมด

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุม EOC ศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฯกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการพิจารณาข้อมูลร้อยละของผู้ป่วยจำแนกตามปัจจัยเสี่ยง ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.63-12 ม.ค.64 จากจำนวนผู้ป่วยที่ทราบประวัติทั้งหมด 4,048 ราย โดยอันดับหนึ่งพบว่ามาจากค้นหาเชิงรุกร้อยละ 44.38 รองลงมาเป็นแรงงานต่างชาติร้อยละ 39.76 สถานที่ชุมชน ตลาดร้อยละ 39.69 สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน(ผู้ป่วยที่เคยติดแล้วและนำเชื้อมาติดกับครอบครัวหรือคนใกล้ชิด) ร้อยละ 10.63 สถานบันเทิง 3.74 บ่อนการพนันร้อยละ 2.98 สัมผัสบุคคลในครอบครัวร้อยละ 1.92 สนามชนไก่ร้อยละ 1.18 ร้านอาหารร้อยละ 0.76 และสถานที่แออัดร้อยละ 0.63

“ทั้งหมดคือสิ่งที่ยืนยันว่า การมีข้อกำหนดมาตรการต่างๆมาจากตัวเลขสถิติทั้งหมด หลายคนบ่นว่า ทำไมปิดตลาด แต่ห้างสรรพสินค้ายังเปิด ก็นำเรียนว่า เพราะมีข้อมูลต่างๆเหล่านี้ แต่ทั้งหมดขอให้ทุกๆท่านดูแลสุขลักษณะส่วนตัวด้วย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ภาพจากกรมควบคุมโรค