ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคเผยสถานการณ์โควิดแพร่กระจายชุมชน ครอบครัว เร่งฉีดวัคซีนโควิดให้กลุ่มเสี่ยง “ผู้สูงอายุ- โรคเรื้อรัง” เหตุติดเชื้อเสียชีวิตง่าย พร้อมจัดหาวัคซีนชนิดอื่นๆ ล่าสุดไฟเซอร์ จะผ่านการพิจารณาของอัยการสูงสุด 5 ก.ค. พร้อมส่งเข้า ครม.พิจารณา 6 ก.ค.นี้

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า สถานการณ์การระบาดโควิดน่าเป็นห่วง ประกอบกับพบสายพันธุ์กลายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เดลตา ซึ่งตั้งแต่เม.ย. แม้ช่วงแรกระบาดในพื้นที่ กทม.เป็นหลัก ต่อมาไปปริมณฑล แต่การแพร่ระบาดช่วงหลังเข้าไปยังที่หนาแน่น เช่น โรงงาน สถานประกอบการ แม้จะมีมาตรการชะลอ แต่ขณะนี้เชื้อได้เข้าไปยังชุมชน และครัวเรือนมากขึ้น จากตัวเลขวันนี้ติดเชื้อหลัก 6 พันราย เป็นวันที่สอง และผู้เสียชีวิต 41 ราย ซึ่งน่าสังเกตว่า ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล และพบในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งการตรวจพบเราค่อนข้างเร็ว โดยก็พยายามจำกัดให้คนที่มาจากพื้นที่ระบาด ได้รับการตรวจรักษาเร็ว

นพ.โสภณ กล่าวว่า มาตรการหลักๆ คือ ลดการเคลื่อนย้าย ลดการเดินทาง และลดโอกาสเสี่ยงการรับเชื้อสถานที่ต่างๆ เช่น การแพร่เชื้อในสถานประกอบการก็มีมาตรการ ส่วนการใช้ชีวิตประจำวัน ร้านอาหารก็ไม่ให้นั่งรับประทานในร้าน ในส่วนที่เหลืออยู่คือ ชุมชนและครัวเรือน ซึ่งเสียชีวิตจะพบที่บ้าน ดังนั้น การป้องกันการเสียชีวิตในผู้สูงอายุจึงสำคัญ จึงช่วงแรกๆ เราเน้นย้ำวัยแรงงานที่ออกไปทำงานต้องระวังตัวเอง ป้องกันอย่านำเชื้อแพร่ผู้สูงอายุ หากเราทำตรงนี้ได้ ร่วมกับการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุได้เร็วขึ้น ก็จะดีมาก ซึ่งทุกวันนี้ผู้สูงอายุได้ฉีดใกล้เคียงกับประชากรอื่นๆประมาณ 10% แต่หากเราทำได้มากขึ้นก็จะลดการเจ็บป่วยหนักและเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น

“มาตรการสำคัญตอนนี้ต้องฉีดวัคซีนโควิดให้แก่ผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง ซึ่งต้องเร่งฉีดให้เร็ว และหลังจากนั้น 2 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันจะขึ้น ซึ่งตัวเลขจะลดลงในเดือนต่อไป แต่ขณะนี้เราต้องเร่งดำเนินการ” รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวถึงกรณีการจัดหาวัคซีนโควิดเพิ่มเติม ว่า นอกจากวัคซีนซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า ยังมีการเจรจาสั่งซื้อวัคซีนตัวอื่นๆ อย่างไฟเซอร์ จำนวน 20 ล้านโดส เราได้มีการเจรจาก่อนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) รับรอง ซึ่ง อย.ขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา โดยสำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจสัญญาและจะเสร็จในวันจันทร์ที่ 5 ก.ค. นี้ จากนั้นก็จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีวันที่ 6 ก.ค. เมื่อผ่านขั้นตอนเหล่านี้ก็จะสั่งซื้อต่อไป จากนั้นที่ต้องทำ คือ การเจรจาให้ส่งมอบเร็วขึ้น เพราะบริษัทบอกว่า จะส่งให้ได้ประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่ก็มีข่าวดีว่า อาจได้เร็วขึ้น จากการเจรจาร่วมมือกันต่างๆ ซึ่งหากมีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบต่อไป

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org