ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"อนุทิน" ลงพื้นที่ศูนย์อพยพผู้ประสบภัยโรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ พร้อมนำรถพระราชทานตรวจหาเชื้อ และจัดวัคซีน 1 พันโดสฉีดควบคุม เพราะเป็นพื้นที่มีการระบาดพอสมควร ส่วนประชาชนทั่วไปก็ฉีดตามที่จองคิวกันไว้ 

 

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ศูนย์อพยพโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง จ.สมุทรปราการ  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. และอธิบดีกรมต่างๆ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ให้กำลังใจผู้ประสบภัยเหตุโรงงานระเบิดและไฟไหม้ ย่านถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และการดำเนินงานของศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด 19 วัดบางพลีใหญ่กลาง 

นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลางได้จัดอาคารของโรงเรียนเป็นศูนย์อพยพศูนย์พักพิงให้แก่ผู้ประสบภัยโรงงานระเบิด และมีประชาชนนำสิ่งของต่างๆมาช่วยเหลือ ในส่วนของ สธ.จัดวัคซีนโควิด 19 จำนวน 1 พันโดสสำหรับการควบคุมการระบาด มาฉีดให้แก่ผู้ประสบภัยและบริเวณโดยรอบนี้ เพื่อไม่ต้องกังวลว่ามีอันตรายหรือไม่ เนื่องจากแถวนี้มีการระบาดพอสมควร ส่วนประชาชนทั่วไปก็ฉีดตามที่จองคิวกันไว้ นอกจากนี้ แต่ละกรมยังส่งทีมเข้ามาดูแล เช่น กรมสุขภาพจิตส่งทีมสุขภาพจิตมาเยียวยาจิตใจประชาชน กรมอนามัยดูแลเรื่องสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมต่างๆ และเรื่องอุปโภคบริโภค  สธ.ยังได้นำอุปกรณ์จำเป็นมาดูแล ทั้งหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย ยาตำราหลวง เจลแอลกอฮอล์ ยาฟ้าทะลายโจร 

นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนต้องอพยพนานแค่ไหนคงใช้ระยะเวลาสักเล็กน้อย แต่ขึ้นอยู่มลภาวะในจุดเกิดเหตุด้วย ทราบว่าไฟก็ควบคุมได้แล้ว และมีการวัดมลพิษมีอันตรายหรือไม่ หากผ่านไป 2-3 วันไฟยังไม่ปะทุขึ้นมา ลมก็ยังแรง มีฝนลงมาด้วยก็จะช่วยชะล้างมลพิษออกไป ผู้อพยพก็เดินทางกลับได้ วันนี้ก็มีบางส่วนกลับไปหลายครอบครัว อย่างศูนย์อพยพ 7 แห่ง ก็มีผู้อพยพกลับไปเหลือประมาณ 3-4 แห่งแล้ว เราพยายามดูแลอย่างเต็มที่ 

สำหรับการดูแลรักษาได้รับรายงานว่ามี 1 รายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ รพ.บางพลี อีกรายถูกไฟลวกอาการประมมาณ 30% ส่งไปรักษา รพ.รามาจักรีนฤบดินทร์ เราดูแลผู้ป่วยเต็มที่ ชาวบ้านเราจัดวัคซีน ยาฟ้าทะลายโจร และให้ รพ.ในเขตพื้นที่สมุทรปราการเตรียมดูผู้ป่วยโควิดให้เรียบร้อยไม่มีการถูกทอดทิ้ง ทิ้งไว้กับบ้าน 

เมื่อถามถึงการอยู่รวมกันในศูนย์อพยพจะป้องกันการติดเชื้ออย่างไรหรือหากพบติดเชื้อจะดำเนินการอย่างไร  นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้เราเอาชีวิตคนให้รอดปลอดภัยก่อน เมื่อเอาเข้ามาแล้วก็ไล่ตรวจ โดยมีรถตรวจเชื้อชีวิรภัยพระราชทานเข้ามาประจำแล้วจะเร่งตรวจ ชาวบ้านจะได้ทราบว่าติดเชื้อหรือไม่ก่อนเข้าบ้าน หากพบการติดเชื้อก็จะส่งตัวเข้ารักษาใน รพ.ต่อไป 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทินเดินทางไปยัง รพ.บางพลีรับฟังสถานการณ์เหตุระเบิดและไฟไหม้โรงงาน โดยมีการรายงานว่า หลังเกิดเหตุได้พยายามดับเพลิง และอพยพผู้คนรัศมี 5 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ จัดตั้งศูนย์อพยพ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) วัดผลกระทบจากสารสไตรีนโมโนเมอร์ในระยะรัศมี 1 กิโลเมตร พบว่ามีค่าความเข้มข้นของสารสไตรีนโมโนเมอร์ 1 พัน ppm มีผลกระทบสุขภาพ (AEGL) ระดับ 3 ส่วนระยะรัศมี 3 กิโลเมตร มีความเข้มข้น 86 ppm และ 5 กิโลเมตร มีความเข้มข้น 51 ppm ทั้ง 2 ระยะมีผลกระทบสุขภาพ AEGL ระดับ 2 

 

เบื้องต้นมีผู้ป่วยระดับสีแดง 3 ราย เข้ารักษาที่ รพ.บางพลี รพ.สมุทรปราการ และ รพ.รามาจักรีนฤบดินทร์ จากการบาดเจ็บ สูดควันร้อน เขม่าเข้าไป ต้องใส่ท่อหายใจ ผู้ป่วยสีเหลือง 6 ราย จากไฟไหม้น้ำร้อนลวก และสีเขียว 34 ราย เป็นแผลเล็กน้อยกลับบ้านได้ และสีดำ 1 ราย เสียชีวิตที่เกิดเหตุเป็นอาสาสมัครดับเพลิง นอกจากนี้ จะมีการติดตามเฝ้าระวังอาการผู้อพยพและผู้ปฏิบัติแบเพลิงด้วย 

 

ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งทีมสุขภาพจิตทั้งจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ศูนย์สุขภาพจิตที่ 6 และโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดเข้าดูแลและประเมินสุขภาพจิตของผู้อพยพทั้ง 7 ศูนย์แล้ว ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างด้าว หากพบแนงโน้มว่ามีความเครียด ซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย จะนำเข้าสู่การดูแลนักษาต่อไป อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เกิดเหตุส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความตระหนกตกใจ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะเข้าสู่ช่วงของการปรับตัว ซึ่งปกติจะใช้เวลา 1-3 เดือน โดยหลังจากนี้ 1 สัปดาห์จะติดตามประเมินต่อเนื่อง หากไม่สามารถปรับตัวได้ใน 1-3 เดือน หรือเกินระยะเวลาตามปกตินี้ยังคงมีความตึงเครียด อ่อนล้า อารมณ์เปลี่ยนแปลง ก็จะให้การดูแลรักษาเช่นกัน