ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เตรียมนำเข้าวัคซีนโควิด19 ปี 2565 เล็งโปรตีนซับยูนิต “โนวาแวกซ์” และวัคซีน mRNA เจนเนอร์เรชัน 2 ย้ำ! โควิดรุ่น 2 ต้องไม่ซ้ำซ้อนกับรัฐ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน

ตามที่สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกประกาศใช้ข้อบังคับการนําเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์รับมือกับการระบาดโควิด19 จนเกิดคำถามว่า จะมีการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด19 เองใช่หรือไม่นั้น (ข่าวเกี่ยวข้อง : สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีมติใช้ข้อบังคับนำเข้าวัคซีนโควิด)

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2564  รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แถลงการนำเข้าวัคซีนโควิด ยา และเวชภัณฑ์ ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ว่า การออกประกาศดังกล่าว เนื่องจาก ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหารรพ.ธรรมศาสตร์ฯ เห็นถึงปัญหาความต้องการวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ในภาวะวิกฤตไม่เพียงกับความต้องการจึงได้มีความคิดออกข้อบังคับดังกล่าวขึ้นมา เพื่อช่วยเป็นทางเลือกในการจัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า และขออนุญาตและออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์

เบื้องต้นทางธรรมศาสตร์ฯมีความสนใจนำเข้า วัคซีน ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับการนำเข้าของหน่วยงานอื่น ทั้งของรัฐ อภ. และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และเป็นวัคซีนเจนเนอร์ชั่น 2 เพื่อบูสเตอร์ โดสให้ประชาชน ในรูปแบบวัคซีนทางเลือก คาดว่าจะเป็นวัคซีนโปรตีนซัปยูนิตของโนวาแวกซ์ รวมถึงวัคซีน mRNA เจนเนอร์เรชัน 2 เช่น โมเดอร์นา ทั้งนี้ ทาง มธ.ยังต้องหาผู้ร่วมสนับสนุนด้วย โดยเปิดกว้างทั้ง เครือข่ายรร.แพทย์ UHOSNET ราชวิทยาลัย สมาคม รวมถึงกลุ่มเครือข่ายรพ.เอกชน

รศ.นพ.พฤหัส กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีความสนใจเรื่องการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่าง ATK ที่ต้องการมาช่วยสนับสนุนในภาคเอกชน ผู้ประกอบการ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและมีราคาถูก ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ คาดว่า การนำเข้า และเริ่มกระบวนการผลิตเองของอภ.เพียงพอแล้ว พร้อมยืนยันการดำเนินการของมธ. ไม่ได้ต้องการแสวงหาผลกำไร และมองว่าการออกข้อบังคับของมหาวิทยาลัยนี้ช่วยอุดช่องโหว่ ของภาครัฐ สร้างการเข้าถึงยา เวชภัณฑ์ ในประชาชน แต่หากทุมหาวิทยาลัยต่างออกประกาศข้อบังคับ ก็จะทำให้สมดุลหรืออำนาจต่อรองในการสั่งซื้อน้อยลง มากกว่าการความความต้องการจากเครือข่ายแล้วสั่งซื้อ โดยในขณะนี้ยังไม่ได้มีหน่วยงานใดเสนอตัวเข้ามาเป็นพาร์เนอร์ทันที มีเพียงการเจรจาพูดคุยกัน หากมีความชัดเจนเรื่อง วัคซีนจึงจะมีการตกลงอีกครั้ง เพราะเบื้องต้นมองว่าการทำเข้าได้ขริงหน้าจะเกิดในปีหน้า

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org