ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมวิทย์ชี้ไทยพบโควิด 3 สายพันธุ์ มี “เดลตา” มากสุด 97.6% รองลงมาอัลฟา -แกมมา ขณะที่ WHO จัดอันดับเชื้อกลายพันธุ์ “มิว” (Mu) อยู่ในอันดับ VOI หรือสายพันธุ์ที่น่าสนใจ ส่วน “C.1.2” ไม่ถูกจัดอันดับ แต่ต้องติดตาม พร้อมย้ำไทยยังไม่พบเชื้อกลายพันธุ์ทั้งสองตัว ส่วนสายพันธุ์ลูกเดลตาในผู้ป่วยก่อนหน้านี้ ยังไม่พบความรุนแรง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 ก.ย.2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าว "การเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด19 ในประเทศไทย" ว่า สายพันธุ์ที่อยู่ในไทยวันนี้ มี 3 สายพันธุ์ คือ อัลฟา เดลตา และเบตา โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา 1,500 ตัวอย่าง พบว่า เป็นอัลฟา 75 ตัวอย่าง เดลตาพบ 1,417 ตัวอย่าง และเบตา 31 ตัวอย่าง โดยภาพรวมประเทศ 93% เป็นเดลตา เฉพาะในกรุงเทพฯ เป็นเดลตาสัดส่วน 97.6% ส่วนภูมิภาคสัดส่วนอยู่ที่ 84.8% ดังนั้น สถานการณ์ปัจจุบันเดลตาครองเมือง โดยเดลตา พบทุกจังหวัดครบทั้งหมด ในแต่ละสัปดาห์พบมากพบน้อยแตกต่างกันไป ส่วนสายพันธุ์เบตา ยังจำกัดวงอยู่ภาคใต้ ที่เคยเจอในกทม. และบึงกาฬ จบไปแล้ว ไม่พบจังหวัดอื่นๆ โดยสัปดาห์ล่าสุดพบในเขตสุขภาพที่ 12 คือ นราธิวาส 28 ราย ปัตตานี 2 ราย และยะลา 1 ราย

00ไทยตรวจโควิดแล้ว 15 ล้านตัวอย่าง

“ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนปัจจุบันตรวจไปแล้วเกือบ 13 ล้านตัวอย่างด้วยวิธีมาตรฐาน RT-PCR ซึ่งมีส่วนที่ไม่ได้รายงานเข้าระบบจำนวนหนึ่ง ในช่วงที่ชุลมุนมากๆ บางแล็ปอาจไม่ได้รายงานข้อมูลครบถ้วนเข้าใจว่าอาจถึง 15 ล้านตัวอย่างแล้ว นับเป็นตัวเลขไม่น้อย ยิ่งช่วงหลังระบาดมากก็ตรวจามากขึ้น” นพ.ศุภกิจ กล่าว

 

00 WHO จัดชั้นเชื้อน่าห่วงระดับ VOI “อัลฟา-เดลตา - เบตา -แกมมา”

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า วันนี้ในระดับโลกมีการจัดชั้นของการกลายพันธุ์ ซึ่งการกลายพันธุ์เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยการกลายพันธุ์ขณะนี้มีเป็นร้อย เป็นหางว่าว แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) มีการจัดชั้น เริ่มต้นเรียกว่า เป็นการกลายพันธุ์ที่อยู่ในความสนใจ เช่น อาจกลายพันธุ์ที่อาจแพร่ได้ หรือดื้อต่อวัคซีนได้ หรือมีความผิดปกติมากขึ้น ก็จะจัดชั้นเป็น VOI ก่อน ส่วนชั้นที่น่าห่วงและกังวล VOC ขณะนี้มีอยู่ 4 ตัว คือ อัลฟา เดลตา เบตา และแกมมา ซึ่งแกรมมาเป็นบราซิลเดิม แต่ไม่พบในไทย เคยพบในสเตจควอรันทีน แต่ควบคุมได้ และไม่หลุดออกไป ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีอัลฟา เดลตา และเบตา โดยลักษณะแตกต่างกัน ส่วนสายพันธุ์มิว (Mu) ยังถูกจัดชั้นว่า น่าสนใจ แต่ยังไม่ใช่สายพันธุ์น่ากังวล รวมไปถึงสายพันธุ์ C.1.2 ก็ยังไม่ได้ถูกจัดชั้นอะไรทั้งหมด และยังไม่ได้ถูกจัดชื่ออะไร

00 เชื้อกลายพันธุ์ C.1.2 และมิว พบการกลายพันธุ์ตำแหน่ง E484K ทำหลีกหนีภูมิคุ้มกัน

“สำหรับสายพันธุ์ C.1.2 ที่มาก่อนหน้านั้น โดยนักวิทยาศาสตร์ ตรวจพบว่า มีการกลายพันธุ์ในจุดตำแหน่งที่เคยอยู่ในเบตา แกรมมา เช่น E484K ซึ่งพวกนี้หลบภูมิคุ้มกัน หรือพูดง่ายๆดื้อวัคซีน โดยมีทั้งส่วน N501Y ของอัลฟาเดิมที่แพร่เร็ว เป็นต้น ดังนั้น การกลายพันธุ์ในหลายๆตำแหน่งของเขา ทำให้ C.1.2 ต้องจับตาดู แต่ขณะนี้ยังค่อนข้างจำกัด โดยทั้งโลกพบมากในแอฟริกาใต้ โดยแอฟริกาใต้พบ 117 รายคิดเป็น 85% ของที่เจอทั้งหมด แต่ไม่ได้แปลว่าแอฟริกาใต้มี 85% แต่อาจมีอยู่นิดหน่อย อาจมีสายพันธุ์อื่นๆร่วมด้วย ซึ่งสายพันธุ์นี้มีอัตราการกลายพันธุ์สูงกว่าสายพันธุ์อื่น แต่ยังไม่ต้องกังวล พบเราเจอ 3% เท่านั้น สายพันธุ์ส่วนใหญ่ยังเป็นเดลตา ที่สำคัญประเทศไทยมีการเฝ้าระวังมาตลอด ปัจจุบันยังไม่เจอสาพพันธุ์นี้นประเทศ” นพ.ศุภกิจ กล่าว

อธิบดีฯ กล่าวอีกว่า ส่วนสายพันธุ์ Mu (B.1.621) ทั่วโลกยังพบน้อยมาก 0.1% โดยในสหรัฐเจอ 2,400 ตัวอย่าง โคลัมเบียเจอ 965 ตัวอย่าง เม็กซิโก 367 ตัวอย่าง สเปน 512 ตัวอย่าง เอกวาดอร์ 170 ตัวอย่าง มีญี่ปุ่นเล็กน้อย แต่ยังไม่ได้พบในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ในโคลัมเบียเจอเป็นที่แรก ซึ่งเจอสายพันธุ์ Mu ประมาณ 40% อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบแล้วใน 39 ประเทศ องค์การอนามัยโลกจัดอันดับเป็น VOI และ ขอย้ำว่า สายพันธุ์ Mu ยังต้องติดตามต่อไป เพราะมีการกลายพันธุ์ที่พบว่า หลีกหนีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติได้ดีกว่าเดิม เนื่องจากพบการกลายพันธุ์ที่ส่งผลให้ Antigenic change ได้แก่ E484K แต่ยังไม่มีรายงานเรื่องอื่น ส่วนที่ว่าแพร่เร็วหรือไม่ ข้อมูลยังไม่ได้ยืนยันขนาดนั้นเมื่อเทียบกับเดลตา ส่วนติดเชื้อง่ายหรือไม่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ ขณะที่หลบภูมิต้านทานก็อาจมีปัญหา แต่วันนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าคนที่ป่วยแล้วกลับมาป่วยอีกมากน้อยแค่ไหน โดยรวมจึงยังไม่น่าวิตก แต่เรายังติดตามต่อเนื่อง

00 ตั้งเป้าตรวจสายพันธุ์ 1 หมื่นตัวอย่าง ธ.ค.นี้

นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทยเราเฝ้าระวังสายพันธุ์สัปดาห์ละพันกว่าราย รวมการตรวจ RT-PCR และตรวจจีโนมทั้งตัว เดิมเราเคยกำหนดว่า กลุ่มที่มาจากต่างประเทศ อยู่ชายแดน บุคลากรการแพทย์ คนอาการหนักได้มีการตรวจกลุ่มนี้มากขึ้น และกระจายพื้นที่มากๆ หรือมีคลัสเตอร์แปลกๆโผล่ขึ้นมา ซึ่งการสุ่มตรวจแบบนั้นเป็นลักษณะหาของใหม่ที่จะหลุดเข้ามา แต่อาจไม่ได้บอกเป็นตัวแทนการติดเชื้อในไทย จึงจะขอปรับกลุ่มเป้าหมาย และจะตรวจให้มากขึ้น ซึ่งรายละเอียดจะพิจารณาว่า จะเป็นอย่างไร เพื่อให้เห็นความชุกของไทย จากอดีตตรวจกรุงเทพฯมาก ตรวจต่างจังหวัดน้อยกว่า อาจไม่เหมาะในการบอกภาพรวม จึงต้องปรับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเข้ามาใหม่ต้องดักให้เจอ และข้อมูลของเราต้องเป็นตัวแทนภาพรวมของประเทศได้

ขณะนี้จะมีความร่วมมือกับม.สงขลานครินทร์ โดยจากนี้ถึงธันวาคม 2564 จะตรวจให้ได้ 1 หมื่นตัวอย่าง โดยจะมีน้ำยาให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์แต่ะละพื้นที่ไปตรวจ อย่างวันนี้ก็จะให้ทางภูเก็ตตรวจเพิ่มขึ้น และให้รู้ว่าที่ภูเก็ตเอง มีเดลตากี่เปอร์เซนต์ โดยการตรวจพันธุกรรมทั้งตัว มีที่กรมวิทย์ และเครือข่ายของเรา ทั้ง มอ. จุฬาฯ รามาฯ โดยกรมวิทย์ตรวจประมาณ 9 พันตัวอย่าง เครือข่ายอีก 4 พันตัวอย่าง จากนั้นจะมีการคอนเนคศูนย์ข้อมูลระดับโลก หรือ GISAID โดยจะรายงานทุก 2 สัปดาห์ ซึ่งการรายงานบ่อยๆ อาจเจอสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทยก็ได้ ดังนั้น อย่าตกใจ

“สำหรับสายพันธุ์ที่เราเคยแถลงก่อนหน้านี้ คือ AY ของเดลตานั้น มี AY 12 เพิ่มเล็กน้อย แต่จีเสจบอกว่า ตัวเลขรหัสอาจไม่ถูกต้อง จึงขอเคลียร์ระดับโลกก่อน และจะชี้แจงอีกครั้งว่า ลูกของเดลตาไปถึงไหนอย่างไร แต่วันนี้ไม่มีปัญหา การรักษาพยาบาลยังเหมือนเดิม” นพ.ศุภกิจ กล่าว