ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกฯ -รมว.สธ.เผยไทยฉีดวัคซีนโควิดทั่วถึงอย่างช้าสุดต้นเดือน พ.ย.64 พร้อมย้ำการเปิดประเทศต้องผ่านความเห็นชอบจาก ศบค.

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ตามที่ประเทศไทยได้สั่งซื้อวัคซีนซิโนแวค 12 ล้านโดส ซึ่งตามกำหนดจะส่งมาในเดือน ก.ย.64 จำนวน 9 ล้านโดส เดือน ต.ค. อีก 3 ล้านโดส ซึ่งปัจจุบันได้ปรับสูตรฉีดเป็นซิโนแวคเข็ม1 ตามด้วยเข็ม 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อร่นเวลาการรับเข็ม 2 ให้เร็วขึ้น ภายใน 3-4 สัปดาห์ ดังนั้น คาดว่า สิ้นเดือน ต.ค.64 จะต้องฉีดซิโนแวคเป็นเข็ม 1 ให้หมด และอีกไม่เกิน 8 สัปดาห์ ก็จะได้รับเข็ม2 ครบถ้วน และภูมิต้านทานที่ได้รับก็จะเท่ากับการฉีดเแอสตร้าฯ 2 เข็ม ดังนั้นโดยภาพรวม ประเทศไทยจะฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงอย่างช้าที่สุดคือต้นเดือน พ.ย.64

เมื่อถามถึงข้อกังวลของอาจารย์แพทย์ในการฉีดวัคซีนชนิด mRNA ให้กับเด็กที่มีอายุ 12-17 ปี นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างจะต้องมีการสรุปในทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขก็มีทีมการแพทย์อยู่ ในที่ประชุมอีโอซี ก็ไม่ได้มีแค่แพทย์ในกระทรวงฯ แต่มีแพทย์ คณบดีแพทย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการวิชาการ ดังนั้น จะต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วจึงนำมาใช้กับประชาชนได้ ส่วนกรณีผู้ปกครองที่อยากให้ลูกฉีดชนิดเชื้อตาย ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากบริษัทผู้ผลิต ยังไม่ได้ปรับทะเบียนการใช้วัคซีนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ของไทย แม้แต่ในประเทศเขาเองก็ยังไม่ได้ปรับเช่นกัน ดังนั้นการฉีดวัคซีนที่นอกเหนือจากการจดทะเบียนจะต้องมายื่นเอกสารขออนุญาตเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเปิดประเทศ ว่าได้หารือกับรมว.ท่องเที่ยวและกีฬาแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้คุยกัน แต่ทุกอย่างต้องผ่านความเห็นชอบจาก ศบค. ก่อน ทุกหน่วยงานสามารถคิดเพื่อเสนอได้ หากมีปัญหาก็ต้องตอบให้ได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนวัคซีนจะต้องเร่งฉีดในทุกจังหวัด ตนได้ย้ำกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ที่เป็นเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเร่งฉีดกลุ่มเป้าหมายให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องการลดวันกักตัวนั้นตนได้ให้นโยบายไปแล้ว ขอเวลาให้กรมควบคุมโรคดำเนินการ ซึ่งครั้งนี้จะต้องพิจารณากับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อได้ข้อสรุปก็เสนอต่อศบค.เห็นชอบ