ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคสรุปข้อมูลขณะนี้ยังไม่พบคนใกล้ชิดติดโควิด หลังสัมผัสชายอเมริกันป่วย "โอไมครอน"  พร้อมเผยผลสอบสวนโรคเคสชายไทยอายุ 44 ปี ที่ใกล้ชิดผู้ป่วย  ล่าสุดตรวจเชื้อซ้ำ! เป็นลบ  ชี้ก่อนหน้านี้พบเชื้ออาจเคยติดแบบไม่รู้ตัว เนื่องจากสอบประวัติใกล้ชิดผู้ป่วยเพียง  1 ครั้งไม่เกิน 5-10 นาที สวมหน้ากากอนามัยทั้งคู่  ขณะเดียวกันได้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยทั้งหมด ล่าสุดทุกคนไม่พบเชื้อ

 

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ธ.ค.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์  ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลง "สถานการณ์โควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอน" ว่า  ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อใน 54 ประเทศ เป็นการติดเชื้อในประเทศ 19 ประเทศ และพบในผู้เดินทางเท่านั้น 35 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มพบในผู้เดินทางมาจากสเปน  โดยยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโอไมครอน  ทั้งนี้ ในระบบการเฝ้าระวังของประเทศไทยในการค้นหาสายพันธุ์ Omicron ใน 3 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มแรก ที่มีผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นแซนด์บ็อกซ์ หรือสเตจควอรันทีน หรือเทสต์แอนต์โก ถ้าตรวจRT-PCR เป็นบวกก็จะมีการตรวจหาสายพันธุ์ กลุ่มสอง หากพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ในสถานที่เสี่ยง และหลายรายเจอเป็นเดลตา หรือไม่ได้ ก็จะมีการสุ่มตรวจหาสายพันธุ์โอไมครอนด้วย และกลุ่มที่สาม กรณีผู้มีอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจะมีการสุ่มตรวจเช่นเดียวกัน

ส่วนกรณีการสอบสวนโรคผู้ป่วยชาวอเมริกันที่เดินทางมาจากสเปนเข้าประเทศไทย โดยระบบของไทยตรวจพบสายพันธุ์โอไมครอนนั้น พบว่า ชายคนนี้อยู่สเปนมาตลอด และเดินทางมาไทยคนเดียว  โดยที่นั่งบนเครื่องบินที่ไม่พบผู้สัมผัส เนื่องจากมีการปรับนิยามใหม่ให้สอดคล้องกับการเปิดประเทศ และผลทางวิชาการยืนยันว่าการติดเชื้อบนเครื่องบินไม่มาก เพราะมีระบบหมุนเวียนอากาศ และมีการสวมหน้ากากอนามัยเกือบตลอดเวลา ยกเว้นรับประทานอาหารสำหรับการเดินทาง 6-8ชั่วโมง 

"รายนี้นั่งริมหน้าต่าง และที่นั่งข้างๆมีการเว้นเบาะ ผู้สัมผัสใกล้ชิดจึงไม่มี ส่วนในโรงแรม ส่วนใหญ่สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ เพราะสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยได้ส่งตรวจหาเชื้อด้วย RT-PCR  ผลออกมาเป็นลบ ทั้ง 16 ราย ส่วนอีกราย วันที่ไปสอบสวนเขาได้เดินทางไปอุบลราชธานี  จึงให้ทางทีมสอบสวนโรคทางจ.อุบลฯ ไปติดตาม และนำเชื้อส่งตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นอกจากนี้ พนักงานในสนามบิน 2 คนผลออกเป็นลบเช่นกัน โดยผู้ติดเชื้อชาวอเมริกัน ขณะนี้ไม่มีอาการเช่นกัน จึงต้องติดตามอาการจนครบ 14 วัน" นพ.จักรรัฐ  กล่าว

นพ.จักรรัฐ กล่าวอีกว่า   สำหรับกรณีผู้สัมผัสใกล้ชิดที่เดินทางไปจ.อุบลราชธานีนั้น เป็นชายไทยอายุ 44 ปี มีอาชีพพนักงานเสิร์ฟอาหารในโรงแรม ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีอาการป่วย  โดยรายนี้เป็นพนักงานตามโควิดฟรี เซตติ้งทุกอย่าง ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรคโดยวันที่ 1 ธ.ค. ได้เสิร์ฟอาหารให้กับผู้เดินทางชาวอเมริกัน และให้เซ็นเอกสาร  โดยตลอดเวลาสวมหน้ากากอนามัยทั้งคู่  หลังออกจากห้องกักได้ทำความสะอาดอุปกรณ์ จากนั้นวันที่ 2 ธ.ค. ได้เข้าทำงานด้านเอกสารที่โรงแรมประมาณ 2-3 ชั่วโมง 

จากนั้นวันที่ 3 ธ.ค. ได้เดินทางกลับบ้านจ.อุบลฯ พร้อมครอบครัว 4 คน รวมตัวเองเป็น 5 คน ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งได้แวะรับญาติที่โคราชอีก 1 คน มีแวะตลาดแถวบ้าน แต่ยืนยันใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค.อยู่บ้านตลอดเวลา และได้รับแจ้งจากทีมสอบสวนโรคว่า ผู้ป่วยชาวอเมริกันติดเชื้อ จึงได้รับตัวเขามารักษาที่สถาบันบำราศนราดูรเมื่อค่ำคืนวันที่ 6 ธ.ค. และได้ตรวจหาเชื้อเบื้องต้นเป็นบวก  

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า   ล่าสุดได้มีการตรวจหาเชื้อซ้ำด้วย RT-PCR  พบเป็นบวกเพราะค่า CT เกิน 36 ตามนิยามที่กำหนด แต่ได้มีการตรวจซ้ำอีกครั้ง ผลออกเมื่อเที่ยงวันนี้(7 ธ.ค.)  โดยตรวจหาเชื้อไม่เจอ แต่ครั้งนี้เป็นการตรวจวันที่ 7     ต้องมีการคอนเฟิร์มตรวจอีกครั้งในวันที่ 13 ก่อนครบ 14 วันในการกักตัว สรุปคือ แม้ผลตรวจเป็นลบ แต่ตรวจรอตรวจซ้ำอีกครั้ง และจากการสอบสวนโรครายนี้มีผู้สัมผัสใกล้ชิด เป็นครอบครัว และอีกคนที่จ.นครราชสีมา รวม 5 ราย ซึ่งได้ติดตามต่อเนื่อง โดยปกติผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้สัมผัสใกล้ชิด เราจะไม่ได้ดำเนินการอะไรมาก แต่ด้วยกรณีรายนี้ตอนแรกผลเป็น Inconclusive และมีการสอบสวนไปแล้ว จึงได้มีการติดตามคนใกล้ชิดอีกทอดหนึ่งต่อ เพื่อเฝ้าสังเกตอาการต่อไป 

"สรุปยังไม่พบผู้สัมผัสใกล้ชิดติดเชื้อโควิด จากผู้ป่วยชาวอเมริกันรายนี้ แต่จะมีการสว็อปหาเชื้อผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 17 คนอีกครั้ง เพื่อยืนยันก่อนครบเวลากักตัว  ชายไทยรายนี้ไม่เคยมีประวัติรายงานการติดโควิดมาก่อน แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าเคยมีการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจากข้อมูลประเทศไทยพบว่ามีผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัวประมาณ 1.4% และรายนี้เจอชายชาวอเมริกันเพียง 1 ครั้ง ไม่เกิน 5-10 นาที" นพ.จักรรัฐ กล่าว 

 นพ.จักรรัฐ กล่าวอีกว่า ขอย้ำผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ มีหลายท่านเดินทางกลับมาและติดเชื้อด้วย จึงขอให้เข้มมาตรการส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด