ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคเผยฉีดวัคซีนโควิดในไทยแล้วกว่า 116 ล้านโดส เข็ม 3 ฉีดแล้วกว่า 14.9 ล้านโดส กระตุ้นภูมิฯ ป้องกัน Omicron  ขณะที่ติดเชื้อค่าเฉลี่ย 7 วันจุดสูงสุดทั่วโลกผ่านไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ม.ค.65 ส่วนไทยผ่านจุดพีคโอมิครอน แล้ววันที่ 17 ม.ค.65 แม้ตัวเลขป่วยวันนี้(4ก.พ.) จะสูงเกือบหมื่น แต่ยังอยู่ในการคาดการณ์ตามแบบจำลองการติดเชื้อ 

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4  ก.พ.  2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 รวมแล้วกว่า 116 ล้านโดส เข็มที่ 1 ฉีดไปกว่า 52 ล้านโดส หรือคิดเป็น 75.4%  เข็มที่ 2 ฉีดไปแล้วประมาณ 48 ล้านโดส sinv 70.1% ส่วนเข็มที่ 3 ฉีดแล้วกว่า 14.9  ล้านโดส หรือคิดเป็น 21.4% ซึ่งการฉีดเข็มที่ 3 จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี โดยเฉพาะการป้องกันโอมิครอน  อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง  อย่างกลุ่ม 608 ในกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง  มีเป้าหมาย 4.7 ล้านราย มีการฉีดไปแล้ว 105.7%  เข็มที่ 2 ฉีดไป 100.6% และเข็มที่ 3 ประมาณ 33% ซึ่งกลุ่มนี้เรามุ่งเน้นการเข้าถึงวัคซีนให้มากที่สุด  

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตค่าเฉลี่ยรอบ 7 วัน โดยจุดสูงสุดของการติดเชื้อระดับโลกได้ผ่านไปแล้ว โดยจุดสูงสุดอยู่วันที่ 28 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เสียชีวิตยกตัวบ้าง แต่ไม่ได้สูงมาก แสดงว่าไม่ได้รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่การติดเชื้อมากๆ ก็ทำให้จำนวนเสียชีวิตเพิ่มสูงบ้าง ขณะที่ข้อมูลจุดสูงสุดการติดเชื้อของแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.64 ซึ่งเป็นพื้นที่เจอโอมิครอนก่อนใคร แต่ได้ผ่านพ้นไปแล้วก่อนปีใหม่ ขณะที่อังกฤษจุดสูงสุดอยู่วันที่ 8 ม.ค.65 ขณะนี้จำนวนติดชเอลดลงมาบ้างแล้ว ส่วนสหรัฐจุดสูงสุดอยู่วันที่ 16 ม.ค.65  ของฝรั่งเศสอยู่ที่วันที่ 28 ม.ค.65 ก็ผ่านมาแล้ว 

"ส่วนประเทศไทยตัวเลขค่าเฉลี่ยสูงสุดติดเชื้ออยู่วันที่ 17 ม.ค. 65 ซึ่งเรามีมาตรการ ทำให้จำนวนการติดเชื้อชะลอลงได้เป็นอย่างดี" นพ.เฉวตสรร กล่าว

 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า  สำหรับตัวเลขประจำวันในวันนี้(4 ก.พ.) หายป่วย 7,827 ราย การติดเชื้อรายใหม่ 9,909 ราย เป็นตัวเลขขยับสูงขึ้นมา แต่ยังอยู่ในความคาดหมายที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และควบคุมได้ ส่วนเสียชีวิต 22 ราย ซึ่งหากดูจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบอยู่ที่ 516 ราย และใส่ท่อหายใจ 105 ราย ซึ่งค่อนข้างคงตัว อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นมา จากข้อมูล 9,267 ราย พบว่าเป็นไทย 96% ส่วนอายุอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี และ 30-39 ปี ใน 2 กลุ่มนี้จะพบมาก ส่วนกลุ่มเด็กอายุ 0-9 ปีมี 10.3% ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงยังลักษณะเดิม คือ การไปร่วมงาน ปาร์ตี้ สังสรรค์ รับประทานอาหารร่วมกันต้องเปิดหน้ากากอนามัย ถือเป็นความเสี่ยงอยู่ โดยพบว่า ไปสถานที่เสี่ยง เป็นคลัสเตอร์มี 48% ขระที่พบในบุคลากรการแพทย์อยู่บ้างต่ำกว่า 1% 

"จริงๆตัวเลขป่วยกว่า 9 พันรายวันนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ที่เราคาดการณ์ จะเห็นได้จากกราฟจำลองการติดเชื้อตามสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ไว้ และมีมาตรการรองรับอยู่แล้ว ขณะที่การคาดการณ์เสียชีวิตต่ำกว่าที่เคยมีการคาดการณ์ ดังนั้น ตัวเลขใกล้หมื่นวันนี้ แม้จะมากขึ้น แต่เราก็มีมาตรการควบคุม และยังจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือประชาชนในการป้องกันตัวเอง รวมทั้งการมาฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง" นพ.เฉวตสรร กล่าว

 

(ข่าวเกี่ยวข้องปลัดสธ.ชี้ไม่เคยตัดต่อตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด  รายงานป่วย-เสียชีวิตตามจริง!)

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org