ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าออกประกาศควบคุมการใช้ "กัญชา" ไม่เหมาะสม  เน้นพื้นที่สาธารณะ ทั้งโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หากก่อเกิดควัน กลิ่น สร้างความรำคาญเข้าข่ายผิด! พร้อมยกร่างประกาศกำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม  ห้ามครอบครองและไม่ใช้ในผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีตั้งครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตร  

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2565 ที่ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ยืนยันว่าการปลดล็อกกัญชา เป็นการปลดล็อกให้มีการใช้เสรีทางการแพทย์ ไม่ได้ให้เสรีสันทนาการ ซึ่งการที่เพิ่งปลดล็อกเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้นถือว่าช้าไปด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นเพราะต้องฝ่าฟัน สร้างความเข้าใจ สร้างการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เห็นว่ากัญชามีประโยชน์ ดังนั้น นโยบายของเราคือการเสรีกัญชาทางการแพทย์ ไม่มีเสรีสูบ เสพสบายอารมณ์ ถ้าทำนอกเหนือทางการแพทย์ คือ ผิด ทำไม่ได้ เรื่องนี้ต้องให้ความรู้กับประชาชน และเราก็รับฟังทุกข้อเสนอ ทุกข้อห่วงใยของทุกฝ่าย 

 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ไม่เหมาะสม ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใดเป็นเหตุรำคาญ พ.ศ. 2565 ซึ่งก็จะเป็นการควบคุมกรณีการนำไปใช้ทางที่ไม่เหมาะสมแล้วควันและกลิ่นก่อเหตุรำคาญ ก็เป็นการควบคุมการใช้ในที่สาธารณะ ซึ่งในส่วนของโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ก็เข้าข่ายเป็นที่สาธารณะ ห้ามก่อให้เกิดควันและกลิ่นอยู่แล้ว เท่ากับเป็นการควบคุมการใช้ในสถานศึกษา รวมถึงสถานที่ต่างๆที่เข้าข่ายที่สาธารณะ 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา ) ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พศ.2542 โดยกำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม หลักการจะมุ่งเน้นการห้ามครอบครองและใช้ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีตั้งครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างร่างและจะมีการประชุมของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาไทย มีนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก่อนเสนอมายังตนหากพิจารณาแล้วมีความครอบคลุม ชัดเจน ก็จะรีบลงนามให้เร็วที่สุด 

" จะเห็นว่าประกาศของสธ.ครอบคลุมทั้งการห้ามใช้ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ก็เท่ากับห้ามใช้ในเด็กเยาวชน มีเรื่องห้ามก่อเหตุรำคาญที่เป็นกลิ่น ควัน ก็เป็นการห้ามเสพสูบในที่สาธารณะ ซึ่งก็รวมถึงโรงเรียนและสถานศึกษาด้วยแล้ว แต่การที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.จะออกประกาศกทม.ห้ามใช้ในโรงเรียน ก็เป็นเรื่องดีที่ออกมาย้ำถึงกฎหมายที่มีการกำหนดไว้อยู่แล้วอีกครั้ง"นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในเรื่องของการปรุงอาหารนั้น คำแนะนำ คือ ให้ใช้ใบกัญชาปรุงอาหารเพียง 2 -3 ใบ ถ้าไม่เกินกำหนดก็ไม่มีอาการแน่นอน แต่หากเอาน้ำมันสกัดที่ไม่รู้ว่ามีปริมาณ THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนักหรือไม่ แล้วเทไปทั้งขวดก็จะเกิดอาการแน่นอน ดังนั้นใช้นอกเหนือกฎหมายก็ผิดแน่นอน ต้องดำเนินคดี แต่หากใช้ใบมาวาง ใส่หม้อก๋วยเตี๋ยว 2-3 ใบก็ไม่เกินเหตุการณ์นี้แน่นอน  หากใครมีอาการแพ้ ก็ต้องไปดูว่าแพ้อะไร ในหม้อน้ำซุปมีส่วนผสมอื่นด้วยหรือไม่ แต่ถ้าเอาน้ำมันกัญชาไปใช้เกินปริมาณ ก็จะผิดกฎหมายยาเสพติด ถ้าเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) หรือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สุ่มตรวจพบมากกว่า 0.2% ก็ผิดกฎหมาย 

นายอนุทินกล่าวย้ำว่า ผู้ปรุงอาหารจะต้องบอกว่ามีส่วนผสมของกัญชาอย่างไร ซึ่งกรมอนามัยออกประกาศว่าร้านอาหารต้องแจ้งว่าอาหารใดผสมกัญชา เพื่อให้ประชาชนรับทราบ  ซึ่งทุกวันนี้หลายร้านเอาตรงนี้มาเป็นจุดขายด้วย

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง : "อนุทิน" คุย "ชัชชาติ" เคลียร์เคสเสียชีวิตไม่ใช่เสพกัญชา! พร้อมกำชับรพ.เฝ้าระวังหากมาจากทางการแพทย์

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org