ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ร่วมคณะเภสัชฯ ม.สงขลานครินทร์ พัฒนาสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจรดรายไซรัป" สูตรเด็กรับประทาน ลดความขม 70% ในปริมาณกำหนดไม่เกินวันละ 30 มิลลิกรัม อยู่ระหว่างศึกษาความคงตัว รอขึ้นทะเบียนยาจากสมุนไพร คาดปลายปีเสร็จ พร้อมพัฒนาสมุนไพรอื่นๆ ยากันยุง

ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร  เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี  กล่าวถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร"  ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติเมื่อวันที่ 6-10 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ฟ้าทะลายโจร จัดเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ทางยามาก  มีสารสำคัญที่ชื่อว่า “แอนโดรกราโฟไลด์” (andrographolide) ในปริมาณสูง สามารถนำมาพัฒนาใช้ในการบรรเทา หรือรักษาอาการ เช่น เจ็บคอ ผิวหนังอักเสบ อาการคัน  รวมทั้งสามารถนำมาใช้ในเด็ก ซึ่งฟ้าทะลายโจรมีงานวิจัยพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องหวัด ซึ่งเด็กเป็นหวัดกันบ่อย  ทางมูลนิธิอภัยภูเบศร จึงร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พัฒนา "ฟ้าทะลายโจรดรายไซรัป" เพื่อให้เด็กรับประทานได้ง่ายขึ้น 

"ขณะนี้กำลังศึกษาความคงตัว แต่เบื้องต้นประสิทธิภาพดี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้ "ภญ.สุภากรณ์ กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการพัฒนาฟ้าทะลายโจรดรายไซรัปในเด็ก ต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมหรือไม่ ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวว่า จริงๆมีงานวิจัยและมีการทดสอบปริมาณการใช้ของสารแอนโดรกราโฟไลด์ในเด็กอยู่แล้ว  สามารถใช้ตัวนี้เป็นข้อมูลพื้นฐาน เพราะมีการใช้ในระดับคลินิกมาก่อน  อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องรอผลการศึกษาความคงตัว และจะนำเข้าสู่กระบวนการขึ้นทะเบียนเป็นยาพัฒนาจากสมุนไพร ซึ่งเป็นไปตามพ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 

ด้าน ผศ.ดร.ภก.จินดาพร ภูริพัมนาวงษ์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการพัฒนา "ฟ้าทะลายโจรดรายไซรัป" ภายในงานมหกรรมฯ ว่า ฟ้าทะลายโจรในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยปกติใช้ลดไข้ แก้เจ็บคอ อาการท้องเสีย ซึ่งจะมีขนาดระบุการรับประทาน อย่างไรก็ตาม ช่วงที่มีโควิด-19 ก็สามารถใช้ในการบรรเทาอาการติดเชื้อได้ โดยมีปริมาณที่มากขึ้นตามข้อบ่งชี้  

ผศ.ดร.ภก.จินดาพร กล่าวอีกว่า การที่ให้เด็กรับประทานนั้น จะค่อนข้างยาก เพราะฟ้าทะลายโจรมีรสขม ทำให้เด็กๆไม่รับประทาน และเด็กรับประทานยาเม็ด หรือแคปซูลยาก จึงต้องลดความขมเพื่อให้สามารถทานได้  แต่การทำเป็นยาน้ำ สารสำคัญอย่างแอนโดรกราโฟไลด์อาจลดลง จึงเป็นโจทย์ที่เราต้องพัฒนาให้ได้สารสำคัญที่เหมาะสม ซึ่งมีงานวิจัยของสวีเดน ระบุว่า เด็กวันหนึ่งต้องทานสารสำคัญจากฟ้าทะลายโจรไม่เกิน 30 มิลลิกรัมต่อวัน

ผศ.ดร.ภก.จินดาพร กล่าวว่า  ทีมศึกษาได้นำฟ้าทะลายโจรมาสกัดให้ได้สารสกัด โดยใบ 1 กิโลกรัมเมื่อสกัดออกมาจะได้ 100 กรัม ซึ่งความขมจะเพิ่มเป็น 10 เท่า เราจึงต้องมาพัฒนาอีกให้สารสกัดตัวนี้ความขมน้อยลงที่เด็กกินได้ จึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้ออกมาเป็นผงแห้งไลโปโซมสารสกัดฟ้าทะลายโจร ซึ่งวิธีนี้ทำให้ความขมลดลง 70% ซึ่งสารสำคัญแอนโดกราโฟไลด์ยังอยู่ไม่เกิน 30 มิลลิกรัมต่อวันที่เด็กรับประทาน โดยนำผงยามาทดลองตามสูตรต่างๆ เพื่อให้ออกมาเป็นฟ้าทะลายโจรดรายไซรัป

"ลักษณะของผลิตภัณฑ์ คือ 1 ซองจะมีปริมาณสารสำคัญแอนโดกราโฟไลด์  10 มิลลิกรัม ในการรับประทานของเด็ก คือ กินครั้งละ 1 ซอง โดยนำไปละลายกับน้ำสะอาด  กินให้หมดซอง กิน 3 ครั้ง เช้า เที่ยง เย็น หลังอาหาร ดังนั้น เด็กจะได้รับยาในปริมาณที่กำหนดคือ วันละไม่เกิน 30 มิลลิกรัม นี่คือสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เด็กกินยาได้ง่ายที่สุด" ผศ.ดร.ภก.จินดาพร กล่าว 

ขณะที่ ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  ฟ้าทะลายโจร  ณ ปัจจุบันที่เป็นแคปซูล สามารถบรรเทาอาการจากโควิด-19 รวมทั้งหวัด ท้องเสีย แต่จริงๆยังมีการศึกษาเรื่องลำไส้แปรปรวน   ซึ่งมีศักยภาพอีกมาก โดยแค่สมุนไพรตัวเดียวสามารถแก้โรคภัยไข้เจ็บได้  อีกทั้ง ยังสามารถนำมาพัฒนาเป็นยากันยุง เนื่องจากบางคนอาจไม่ชอบกลิ่นตะไคร้หอม เพราะมีกลิ่นฉุน จึงนำสารสกัดฟ้าทะลายโจรมาสกัดแอลกอฮอล์ และพัฒนาต่อในเรื่องกลิ่น ซึ่งมีการศึกษาเช่นกันว่า สามารถป้องกันยุงได้   

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org