ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วิถีชีวิตที่เร่งรีบของสังคมเมือง และความเครียดสะสมจากการทำงาน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาดูแลตนเอง โดยเฉพาะการเลือกกินอาหาร มีแนวโน้มบริโภคอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแปรรูปมากขึ้น เช่น น้ำอัดลม มันฝรั่งทอด ไส้กรอกรมควัน เบคอน แฮม ขนมขบเคี้ยว อาหารแช่แข็ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารบรรจุกระป๋อง อาหารแปรรูปตามท้องตลาดส่วนใหญ่ผ่านการจัดเตรียม ปรุงรส กลิ่น ปรับเปลี่ยนรูปร่าง บรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ง่ายต่อการกินและเก็บรักษา อาหารแปรรูปบางชนิดมีการเติมส่วนผสมต่าง ๆ เช่น สารให้ความหวานแทนน้ำตาล สารเติมแต่งอาหารเพื่อเพิ่มสีสันและกลิ่นให้น่ากิน สารกันบูดเพื่อคงความสดใหม่และยืดอายุการเก็บรักษา บางชนิดอาจใส่น้ำตาลธรรมชาติหรือน้ำตาลฟรุกโตสชนิดพิเศษ (High Fructose Corn Syrup) มากเกินไป เพื่อให้อาหารมีรสชาติ เนื้อสัมผัส และสีตามที่ต้องการ ส่งผลให้อาหารแปรรูปมีปริมาณน้ำตาล โซเดียม และไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งหากกินในปริมาณที่มากเกินไป และติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร ผิวพรรณเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยดูแก่ก่อนวัย และเสี่ยงสมองเสื่อมได้

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า หากกินอาหารแปรรูปมากเกินไป จะทำให้ร่างกายเสี่ยงขาดสารอาหารสำคัญ ได้แก่ 1) วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ พบมากในผักผลไม้ มีส่วนช่วยให้กระบวนการต่างๆ ของร่างกายทำงานได้เป็นปกติ โดยเฉพาะระบบประสาทและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ผักผลไม้หลากสียังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้เกิดความเสียหาย หากร่างกายขาดสารอาหารเหล่านี้ จะส่งผลให้เซลล์ถูกทำลายได้ง่าย ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร 2) โปรตีน เป็นองค์ประกอบโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ทั้งผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ โปรตีนยังเป็นสารอาหารสำคัญในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และใช้สร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ด้วย อาหารแปรรูปมักจะมีน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูง แต่มีโปรตีนต่ำ หากร่างกายได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ จะทำให้ป่วยง่าย หายช้า ผิวหนังหยาบกร้าน ดูแก่ก่อนวัย และอาจเสี่ยงสมองเสื่อมจากการขาดกรดอะมิโนจำเป็นต่อสมองอย่างทริปโตเฟน ที่พบได้ในเนื้อสัตว์ นม ไข่ และ 3) ใยอาหาร มีส่วนสำคัญในการช่วยระบบขับถ่าย ทำให้เกิดกระบวนการหมักในลำไส้ได้ กรดไขมันสายสั้นช่วยชะลอภาวะการอักเสบของสมองที่เพิ่มขึ้นตามอายุ สามารถกำจัดเซลล์มะเร็ง และลดการอักเสบของลำไส้ใหญ่

อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า กรมอนามัยจึงขอแนะนำ 7 เคล็ดลับป้องกัน ช่วยให้สมองดี สุขภาพแข็งแรง ได้แก่ 1) กินผักให้มาก กินผลไม้เป็นประจำ 2) กินธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วเปลือกแข็ง และถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ 3) กินโปรตีนจาก ปลา ไข่ นม เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน 4) ลดอาหาร หวาน มัน เค็ม เลี่ยงอาหารแปรรูป 5) ศึกษาข้อมูโภชนาการก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้กินอาหารมากเกินปริมาณที่กำหนด ได้รับพลังงานจากน้ำตาลและไขมันสูงเกินไป ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน 6) ดูแลสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม โดยหลีกเลี่ยงสถานที่มลภาวะสูง และ 7) มีกิจกรรมทางกาย ออกกำลังกายเป็นประจำ ผ่อนคลายความเครียด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้แก่ก่อนวัย และส่งผลดีต่อสมองด้วย

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org