ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป  กรมควบคุมโรค เผย ผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศ ยังจำเป็นต้องขอใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด หรือ Vaccine passport หรือไม่ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง หลายประเทศไม่ใช้ แต่หลายประเทศยังต้องมี พร้อมยืนยันขอผ่านระบบ “หมอพร้อม” เป็นรูปแบบดิจิทัลได้ หรือหากต้องการรูปเล่มยังทำได้เช่นกัน ส่วนชาวต่างชาติฉีดวัคซีนในไทยได้

  

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ Hfocus ถึงกรณีสถานการณ์การระบาดโควิดไม่ได้ระบาดเหมือนช่วงที่ผ่านมา ยังจำเป็นต้องมีการขอใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 หรือ "วัคซีนพาสปอร์ต" (Vaccine passport) สำหรับผู้ที่จะเดินทางระหว่างประเทศหรือไม่  ว่า   การขอวัคซีนพาสปอร์ต ขึ้นกับประเทศปลายทางกำหนด อยู่ที่ว่าประเทศนั้นๆ จะเรียกประกอบการพิจารณาเข้าประเทศของเขาหรือไม่ ซึ่งหลายประเทศไม่ได้มีการเรียกดูวัคซีนพาสปอร์ตแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการขอวัคซีนพาสปอร์ตยังเหมือนเดิมหรือไม่ นพ.วิชาญ กล่าวว่า ยังเหมือนเดิม สามารถขอผ่านระบบดิจิทัล โดยเข้าไปที่ระบบ “หมอพร้อม” จะมีช่องทางในการขอใบรับรองโควิด19 โดยกด ผ่าน International Certificate  เลือกที่ขอหนังสือรับรองข้อมูลวัคซีนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์   ซึ่งจะมีรายละเอียดให้กรอกข้อมูลต่างๆ ให้ดำเนินการตาม โดยจะให้เลือกว่า จะรับเป็นหนังสือชนิดอิเล็กทรอนิกส์ หรือรูปเล่มสีเหลือง  ทั้งนี้ จะมีรายละเอียดแจ้งในระบบหมอพร้อม   หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 

“จริงๆ รูปแบบที่ใช้ปัจจุบันได้มีการแจ้งทางกระทรวงการต่างประเทศแล้วในการประสานประเทศต่างๆ ซึ่งสามารถยื่นผ่านระบบดิจิทัลได้ ไม่ต้องขอเป็นรูปเล่ม  เพียงแต่อาจมีบางประเทศ เช่น สปป.ลาว อาจมีการขอดูเป็นรูปแบบเล่มสีเหลืองตรงข้ามพรมแดน ซึ่งก็สามารถออกเป็นเอกสารได้เช่นกัน สิ่งสำคัญขอให้สอบถามประเทศปลายทางที่จะไปว่า ยังต้องใช้วัคซีนพาสปอร์ตอีกหรือไม่ ทั้งนี้ ปัจจุบันยังมีคนไทยที่มาขอวัคซีนพาสปอร์ตแบบรูปเล่มอยู่บ้าง แต่น้อยลง ส่วนใหญ่ใช้รูปแบบดิจิทัล ” นพ.วิชาญ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามกรณีมีชาวต่างชาติสอบถามว่า สามารถรับวัคซีนป้องกันโควิดภายในประเทศไทยได้หรือไม่ นพ.วิชาญ กล่าวว่า ยังเป็นนโยบายเดิมโดยทุกคนในผืนแผ่นดินไทย ได้รับวัคซีนโควิดโดยสมัครใจ  สามารถติดต่อขอรับวัคซีนโควิดในสถานพยาบาลที่มีวัคซีนได้เลย ซึ่งทางไทยไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการให้บริการเช่นกัน

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org