ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

บอร์ด สปสช. เดินหน้าโอนงบกองทุนบัตรทองปี 2566 มีมติชะลอจัดสรรงบ PP, PP-HIV, Long Term Care และ อปท. เฉพาะในส่วนผู้ไม่ใช่สิทธิบัตรทอง 5.14 พันล้านบาท รอความชัดเจนทางกฎหมายหลังส่งหารือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและกฤษฎีกา 

 

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน มีวาระพิจารณาเรื่องการปรับประกาศ สปสช. เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2566

 

กรณีประกาศฉบับดังกล่าวนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีความเห็นต่างในประเด็นทางกฎหมายว่า งบประมาณในส่วนของการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ครอบคลุมคนไทยทุกคนหรือเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทอง ทำให้มีข้อทักท้วงทางกฎหมายในประเด็นงบประมาณสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่ครอบคลุมเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทองเท่านั้น ไม่ใช่คนไทยทุกคนทุกสิทธิ ดังนั้นจึงต้องทำให้เรื่องนี้มีความชัดเจนทางกฎหมายก่อน ส่งผลให้ร่างประกาศหลักเกณฑ์ดังกล่าวยังไม่สามารถลงนามและประกาศใช้ได้ สปสช.จึงไม่สามารถโอนเงินงบประมาณปี 2566 จากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้แก่หน่วยบริการทั่วประเทศ

 

อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการรับบริการของประชาชน ในการประชุมบอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่าน จึงให้แยกการจ่ายเงินชดเชยบริการประเภทผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในให้แก่หน่วยบริการก่อน ส่วนงบประมาณสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ยังคงชะลอการจ่ายเงินออกไป เฉพาะในส่วนของประชากรที่ไม่ใช่สิทธิบัตรทอง วงเงิน 5,146.05 ล้านบาท โดยให้รอความชัดเจนทางกฎหมายตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ขอความเห็นไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนหน้านี้

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมบอร์ด สปสช. ได้มีการพิจารณาหารือในประเด็นปัญหาทางข้อกฎหมายที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อหน่วยบริกรรและประชาชน โดยสรุปที่ประชุมมีมติดังนี้

 

1.คณะกรรมการ สปสช. ทุกคน มุ่งหวังให้ประชาชนทุกคนทุกสิทธิ สามารถได้รับบริการสุขภาพที่จำเป็น โดยไม่มีอุปสรรคทางการเงิน และทุกฝ่ายจะดำเนินการร่วมกันให้บรรลุเป้าหมายนั้น โดยไม่ขัดกับกฎหมาย

 

2.บอร์ด สปสช. เห็นด้วยที่มีการทำความชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมายที่กองทุนหลักประกันสุขภาพฯ ครอบคลุมประชากรในส่วนใดบ้าง ตามมาตรา 5, 9, 10 และ 66 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 โดยปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ดำเนินการ

 

3.เห็นชอบประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2566 โดยชะลอการจัดสรรงบประมาณสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (PP) งบป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (PP-HIV) งบประมาณระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Long Term Care: LTC) และกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (อปท.) เฉพาะส่วนของผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทอง (Non-UC) วงเงิน 5,146.05 ล้านบาท ทั้งนี้ สธ.จะจัดบริการให้ครอบคลุมทุกคนในส่วนที่ สธ.รับผิดชอบ และ สปสช.จะประสานให้หน่วยบริการอื่นๆ นอก สธ. ดำเนินการเช่นเดียวกันโดยไม่ให้มีช่องว่าง

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

1.สายด่วน สปสช. 1330

2.ช่องทางออนไลน์

• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6

• Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand