ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นักระบาดวิทยาชี้ จีนกระทบหนักการระบาดโควิด หลังผ่อนปรนมาตรการ คาดจะมีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตกว่าล้านคน ในการระบาดหนักสามระลอก ต้นปีหน้า

หลังจากที่ประเทศจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการการควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อผ่อนปรนความตรึงเครียดหลังจากที่ประชาชนในหลายมณฑลของจีนออกมาประท้วงนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” เพี่อควบคุมการระบาดของโรคนั้น นักวิชาการด้านสาธารณสุขออกมาคาดการณ์กันว่า จะมีการระบาดใหญ่ถึงสามรอบในช่วงฤดูหนาวนี้ และระลอกแรกของการระบาดได้เริ่มขึ้นแล้วในตอนนี้ จากหลักฐานเชิงประจักษ์จากการติดเชื้อรายวันที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วตั้งแต่มีการประกาศผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นจากทางรัฐบาลจีน แต่ตัวเลขที่เป็นทางการของจีน กลับแสดงตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันที่ลดลง นำไปสู่ความกังวลที่ว่า การรายงานสถานการณ์การติดเชื้อต่ำกว่าความเป็นจริง ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 2,097 รายต่อวัน เท่านั้น

นาย หวู ซันโหย่ นักระบาดวิทยา กล่าวว่า การระบาดในรอบนี้จะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนมกราคม ปีหน้า และการระบาดรอบสองจะเริ่มในช่วงที่มีการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวในเดือนหน้า ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวไหว้พระจันทร์ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม เป็นต้นไป ซึ่งผู้คนนับล้านจะเริ่มออกเดินทางไปเฉลิมฉลองเทศกาลกับครอบครัว และการระบาดรอบที่สาม จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงช่วงกลางเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนเดินทางกลับจากเทศกาล

เขากล่าวในการแถลงข่าวว่า ปริมาณการฉีดวัคซีนมีความสัมพันธ์กับระดับความเข้มข้นของการระบาด ซึ่งจำนวนประชากรจำนวนมากได้รับวัคซีนจะทำให้อัตราการติดเชื้อที่ลดลง โดยในภาพรวม 90% ของประชากรได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว โดยน้อยกว่าครึ่งของประชากรที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีนมากกว่า 3 เข็ม โดยกลุ่มผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงหลังการติดเชื้อ 

อย่างไรก็ตามมีข้อกังวลว่า ถึงแม้จะมีจำนวนของคนที่ได้รับวัคซีนเป็นจำนวนมาก แต่วัคซีนที่นำมาใช้ส่วนใหญ่จะเป็นวัคซีนที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ  ซึ่งมีข้อสงสัยถึงประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ และลดความรุนแรงของโรค เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิด mRNA โดยสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยข้อมูลว่าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีการประเมินกันว่าผู้คนนับล้านในจีนจะเสียชีวิตจากการระบาดของโควิดในปีหน้า ล่าสุดทางรัฐบาลจีนได้ออกมาเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตสองรายจากการติดเชื้อโควิด หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการระบาด และมีนโยบายที่จะเปิดประเทศปีหน้า และถึงแม้จะมีการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว มณฑลเซี่ยงไฮ้ ออกประกาศให้โรงเรียนส่วนใหญ่ดำเนินการสอนแบบออนไลน์ในช่วงเวลานี้

ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาจับตาสถานการณ์ การระบาดรอบใหม่ในประเทศจีน โดยเฉพาะความเป็นไปได้ในการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ใหม่ๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการแพร่ระบาดของโรคอย่างรุนแรง โดยนาย อาชิช จฮา ผู้ประสานงานตอบโต้โคโรนาไวรัส ทำเนียบขาว กล่าวกับสำนักข่าว VOA ว่า สหรัฐอเมริกามีระบบการเฝ้าระวังที่แข็งแกร่ง และระบบการติดตามตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเท จึงสามารถติดตามเมื่อมีการติดเชื้อ และสอบสวนหาสายพันธุ์ได้ทันที  และถ้ามีสายพันธุ์ใหม่ จะสามารถตรวจพบได้โดยระบบดังกล่าว โดยทางสหรัฐเองมีการเผ้าระวังสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาเชื้อจากน้ำทิ้ง และความร่วมมือต่างๆจากกลุ่มพันธมิตร เป็นต้น

เมื่อเร็วๆนี้ ทางการจีนได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในควบคุมการระบาดของโรคโควิด โดยยกเลิกมาตรการการควบคุมโรคที่เข้มข้น เช่นการปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาด ซึ่งนำไปสู่การประท้วงขนาดใหญ่ทั่วประเทศ และยกเลิกการบังคับใช้ QR code ด้านสุขภาพเพื่อเข้าพื้นที่สาธารณะ และอนุญาตให้ผู้ป่วยที่มีอาการปานกลาง สามารถรักษาฟื้นฟูร่างกายได้ที่บ้าน แทนสถานที่ที่ทางรัฐจัดหาให้

นายเซียเฉิน อาจารย์ด้านสาธารณสุข จากมหาวิทยาลัยเยล กล่าวว่า การระบาดโควิด-19 ในประเทศจีนอาจมีผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่อไวรัส โดยในประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก และมีจำนวนประชากรที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเป็นจำนวนมาก สามารถเก็บเชื้อไว้ในร่างกายได้เป็นเวลาหลายเดือน และคุณลักษณะแบบนี้จะเป็นแหล่งการกลายพันธุ์ของเชื้อได้ดี ซึ่งหมายความว่า อาจจะมีสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นที่ห่วงใย ( variant of concern) เกิดขึ้นมาก็ได้

อย่างไรก็ตาม เขามองว่า ประเทศจีนนั้นดำเนินนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” มาเป็นระยะเวลาอันยาวนานเนื่องจากจำนวนประชากรที่มาก และไม่มีรายงานการติดเชื้อจากสายพันธุ์ย่อยของโอไมครอน ดังนั้นภูมิคุ้มกันของประชากรส่วนใหญ่จะมีกับสายพันธุ์ดั้งเดิมของโคโรนาไวรัส ซึ่งอาจจะทำให้สายพันธุ์ระบาดใหม่ในปัจจุบัน แพร่กระจายได้ง่าย และเป็นไปได้ว่าจะมีแรงกดดันน้อยมากสำหรับไวรัสสายพันธุ์ย่อยเพื่อที่จะหลบหลีกภูมิคุ้มกันของมนุษย์

องค์การอนามัยโลก แสดงความเป็นห่วง กับประชากรจำนวน 1.4 พันล้านคน ที่ได้รับวัคซีนไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางอื่น ซึ่งทางการจีนเองพยายามเร่งอัตราการฉีดวัคซีน เป็น 1 ล้านโดสต่อวันโดยเฉลี่ย แต่น่าจะทำได้น้อยลงในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว โดยเขามองว่า โอกาสในช่วงสองอาทิตย์ที่เหลือ จะเป็นเวลาสำคัญและโอกาสสุดท้ายในการสร้างภูมิคุ้มกัน และลดการระบาดในประเทศจีน

Source:US Monitors New Variants from China as Beijing Relaxes Zero-COVID Approach, www.voanews.com

China Covid: Health expert predicts three winter waves, BBC

Photo: www.npr.org