ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัด สธ.ชวนรับ วัคซีนคู่โควิด-ไข้หวัดใหญ่

กรมควบคุมโรคและกรมการแพทย์ ผนึกพลังจัดกิจกรรม World Immunization Week 2023 เร่งรณรงค์ให้เด็กไทยรับวัคซีนให้ครบ เร่งฉีดกลุ่มเก็บตก ปลัด สธ.ชวนรับ วัคซีนคู่โควิด-ไข้หวัดใหญ่

"ปลัด สธ.ชวนรับ วัคซีนคู่โควิด-ไข้หวัดใหญ่"

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมายังสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี มีอธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมการแพทย์ ร่วมด้วยคณะผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข และแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานให้การต้อนรับ เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม World Immunization Week 2023: Vaccine for Everyone “Episode I : สร้างภูมิปฐมวัย ทุกช่วงวัยสุขภาพดี (Kids Vaccination)” 

นพ.โอภาส กล่าวว่า การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคอย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ที่จะปกป้องชุมชนจากโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน แต่จากการระบาดของโรคโควิด 19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้มีกลุ่มเป้าหมายเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี กว่าร้อยละ 20 ที่ตกหล่นการรับวัคซีนตามกำหนดการรับวัคซีนพื้นฐานในเด็กของกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2566 นี้ กระทรวงฯ จึงมีเป้าหมายการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการเร่งรัดติดตามและให้วัคซีนในกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ (Catch-Up vaccination) ซึ่งสอดคล้องกับกรอบแนวคิดของสัปดาห์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคสากล ภายใต้หัวข้อ 'The Big Catch-Up' ขององค์การอนามัยโลก โดยมีกรมควบคุมโรคที่ดูแลงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคและริเริ่มการรณรงค์การฉีดวัคซีนให้ครบในเด็ก และกรมการแพทย์ที่เป็นต้นแบบของหน่วยบริการฉีดวัคซีนเด็ก หรือ well baby clinic และขอให้ทุกหน่วยงานได้ช่วยประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้ปกครองรีบพาบุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว ทั้งนี้ หากผู้ปกครองมีบุตรหลานที่พลาดการรับวัคซีน สามารถพาบุตรหลานของท่านไปติดต่อรับได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อรับวัคซีนให้ครบต่อไป

นพ.โอภาส เพิ่มเติมว่า การรณรงค์ฉีดวัคซีนทั่วโลกมี 2 กลุ่ม คือ เด็กและผู้ใหญ่ โดยเด็กควรได้รับวัคซีนพื้นฐานอย่างครบถ้วน แต่วัคซีนที่รณรงค์เพิ่มเติม คือ วัคซีนผู้ใหญ่ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนบาดทะยัก ทั้งนี้ พบว่า เด็กไทยได้รับวัคซีนน้อยลงจากหลายสาเหตุ เช่น การไม่สามารถเข้าถึงบริการช่วงโควิด กระทรวงสาธารณสุข จึงร่วมกับกรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์โรคโควิดระบาด จึงพบปัญหาในระบบการผลิตวัคซีนอื่นนอกจากโควิด และการกระจายวัคซีน ไม่สามารถมีวัคซีนให้คนทั่วโลกได้อย่างเพียงพอ ในปีนี้จึงต้องเร่งให้เด็กได้รับวัคซีน

"ปลัด สธ.ชวนรับ วัคซีนคู่โควิด-ไข้หวัดใหญ่"

"ในยุคโควิด-19 วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญ รบชนะโควิดได้จากการให้วัคซีน จากข้อมูลการศึกษาพบว่า การฉีดวัคซีนโควิดในประเทศ สามารถช่วยชีวิตคนไทยมากถึง 5 แสนคน คุณูปการของวัคซีนจึงสำคัญ ในอนาคตจะพัฒนาการเรื่องของการฉีดวัคซีน ทั้งการผลิต วิจัย เทคโนโลยี และการกระจายวัคซีนไปสู่ประชาชน รวมถึงระบบข้อมูลที่ทันสมัยเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง" นายแพทย์โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส ยังย้ำถึงความสำคัญของวัคซีนโควิดด้วยว่า แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น แต่มาตรการสำคัญที่จะลดความรุนแรงของการเกิดโรคและลดการเสียชีวิต คือ วัคซีน จึงอยากให้การฉีดวัคซีนโควิดเป็นการฉีดวัคซีนประจำปีพร้อมกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและง่ายต่อการจัดการ โดยวันรณรงค์จะเริ่มวันที่ 1 พ.ค. แต่ตอนนี้วัคซีนได้กระจายไปหลายหน่วยบริการแล้ว ถ้าหน่วยมีความพร้อมก็สามารถฉีดวัคซีนได้เลย เน้นที่กลุ่มเสี่ยง 608 กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และกลุ่มอื่นที่ประสงค์จะฉีดวัคซีน เช่น คนที่ต้องทำงานร่วมกับคนจำนวนมาก ส่วนเด็กก็สามารถรับวัคซีนทั้ง 2 ชนิดพร้อมกันได้ โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด พิสูจน์แล้วว่า มีความปลอดภัย ได้ตามมาตรฐาน ผู้ปกครองสามารถไปขอคำปรึกษาได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน 

"วัคซีนคู่โควิด-ไข้หวัดใหญ่"

สำหรับจำนวนเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนพื้นฐานอย่างครบถ้วน ปลัด สธ. กล่าวว่า ในช่วงปีแรก ทารกได้รับวัคซีนค่อนข้างครบถ้วนประมาณ 90 เปอร์เซนต์ แต่เมื่ออายุมากขึ้น อัตราการฉีดวัคซีนจะน้อยลง วัคซีนบางชนิดที่ต้องฉีดหลายเข็มเพื่อกระตุ้น แต่เมื่ออายุ 5 ปีขึ้นไป การรับวัคซีนค่อนข้างต่ำลง จึงต้องเร่งรณรงค์ต่อไป เช่น วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี หรือวัคซีนป้องกันโรคหัด อัตราการฉีดก็ค่อนข้างต่ำ เพราะผู้ป่วยน้อยลง แต่หลายประเทศเมื่อไม่ฉีดวัคซีนมานาน เด็กก็จะขาดภูมิคุ้มกัน เมื่อมีคนเป็นโรคเข้าประเทศมาก็เกิดระบาดขึ้นได้ การคงภูมิต้านทานของประชาชน แม้ว่าโรคจะลดน้อยลงแล้วก็ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่ติดชายแดนหลายจังหวัด รวมถึงภาคใต้ ที่มีปัญหาอัตราการเข้ารับวัคซีนน้อยกว่าพื้นที่อื่น จึงต้องรณรงค์ระดับประเทศและระดับพื้นที่ โดยกำชับแพทย์สาธารณสุขจังหวัดดำเนินการในกลุ่มเสี่ยง และเร่งเก็บตกให้ครบถ้วน

"วัคซีนคู่โควิด-ไข้หวัดใหญ่"

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยได้ดำเนินแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เป็นระยะเวลานานกว่า 40 ปีมาแล้ว จนปัจจุบันมีจำนวนวัคซีนมากถึง 11 ชนิด ในการป้องกันโรคถึง 13 โรคในเด็ก ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนของทุกปี องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้เป็นสัปดาห์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคสากล (World Immunization Week) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็ก ผู้ใหญ่ และชุมชนได้รับการปกป้องจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน และเพื่อรณรงค์ให้กลุ่มเด็กได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ดังนั้น กรมควบคุมโรค ร่วมกับ กรมการแพทย์ จึงได้จัดกิจกรรม World Immunization Week 2023: Vaccine for Everyone ภายใต้กรอบแนวคิด “สร้างภูมิปฐมวัย ทุกช่วงวัยสุขภาพดี (Kids Vaccination)” ขึ้นในวันนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันและเพื่อเข้ารับวัคซีนให้ครบถ้วนตามเกณฑ์ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดบริการฉีดวัคซีนให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข โดยในปีนี้จะมีการเร่งรัดการฉีดวัคซีนในเด็กให้ได้ครบตามเกณฑ์รวมถึงเด็กหญิงอายุ 12 - 15 ปีที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน HPV ตามสิทธิประโยชน์

"วัคซีนคู่โควิด-ไข้หวัดใหญ่"

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลเฉพาะทางด้านโรคเด็ก ให้การดูแลสุขภาพเด็กในทุกมิติ ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นเพื่อให้เด็กไทย มีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี (Good health and Well-being) สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable  Development Goals: SDGs) และการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเป็นส่วนสำคัญช่วยสร้างอนาคตเด็กไทยให้แข็งแรง มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นคลินิกเด็กดีต้นแบบในการช่วยประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเร่งพาบุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ โดยที่ผ่านมาสถาบันสุขภาพเด็กฯ ได้จัดบริการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายเด็กทั้งพื้นฐานและวัคซีนทางเลือก เพื่อให้เด็กมีสุขภาพดีและเกิดภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข 

กิจกรรม World Immunization Week 2023 ของกระทรวงสาธารณสุขในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้กรอบแนวคิด “Vaccine for Everyone” มีการจัดกิจกรรมประกอบด้วย “Episode I : สร้างภูมิปฐมวัย ทุกช่วงวัยสุขภาพดี (Kids Vaccination)” และ “Episode II : วัคซีนคู่ สู้หน้าฝน (Dual Immunity)” เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในการยกระดับภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนทุกช่วงวัย โดยการจัดกิจกรรมใน Episode I เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของกรมควบคุมโรค และกรมการแพทย์ ที่ต้องการให้มีการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้ปกครองของเด็ก ๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันและเข้ารับวัคซีนให้ครบถ้วนตามเกณฑ์ 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : อัปเดตไกด์ไลน์รักษาโควิด19 ล่าสุด ปรับการให้ยาต้านไวรัสกลุ่มปัจจัยเสี่ยงรุนแรง และ LAAB

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org