ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แก้โรคความดันโลหิตสูง แค่กำมือ – แบมือ

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบเรื่อง ความดันโลหิตสูงแก้ได้โดยการกำมือ-แบมือ กับโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า การกำมือและแบมือดังไม่มีผลทางการแพทย์ที่สามารถอธิบายหรือยืนยันได้ว่า สามารถลดความดันโลหิตได้

โรคความดันโลหิตสูง สาเหตุสำคัญต่อโรคร้ายอื่น ๆ

โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) พบได้จากการวัดความดันโลหิต ได้ในระดับที่สูงกว่าปกติเรื้อรังอยู่เป็นเวลานาน ควรควบคุมความดันโลหิตให้น้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท 

  • ถ้าเกิน 130/80 มิลลิเมตรปรอท ต้องเริ่มปรับพฤติกรรม 
  • ถ้าสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าป่วยเป็นความดันโลหิตสูงต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์และเข้ารับการรักษา 
  • ถ้าเกิน 160/100 มิลลิเมตรปรอท คือ สูงมากซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ 
  • ถ้าเกิน 180/110 มิลลิเมตรปรอท สูงถึงขีดอันตรายต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

วิธีวัดความดันโลหิตที่ถูกต้อง วัดความดันโลหิตในช่วงเช้าภายใน 1 ชั่วโมง หลังตื่นนอน หรือหลังปัสสาวะ โดยวัดความดันจำนวน 2 ครั้ง ให้ห่างกันครั้งละ 1 นาที วัดช่วงเวลาก่อนเข้านอนโดยวัดความดัน 2 ครั้ง ให้ห่างกันครั้งละ 1 นาที นั่งเก้าอี้ให้หลังพิงพนักเพื่อไม่ให้หลังเกร็ง เท้าทั้ง 2 ข้าง วางราบกับพื้นให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย วัดความดันโลหิตในแขนข้างที่ไม่ถนัด หรือข้างที่มีความดันโลหิตสูงกว่า โดยวางแขนให้อยู่ในระดับเดียวกันกับหัวใจ ขณะวัดความดันโลหิตไม่กำมือ ไม่พูดคุยหรือขยับตัว และควรวัดความดันหลังจากนั่งพักอย่างน้อย 30 นาที และ 1 ชั่วโมง หลังรับประทานอาหาร ดื่มกาแฟ สูบบุหรี่ หรือออกกำลังกาย 

หากไม่รักษาให้ถูกต้องจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น 

  1. โรคอัมพาตจากหลอดเลือดในสมองตีบ 
  2. โรคหลอดเลือดในสมองแตก 
  3. โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจวาย 
  4. โรคไตวาย 
  5. หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง   

ไทยพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง 14 ล้านคน 

ในประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 14 ล้านคน มากกว่า 7 ล้านคนที่ป่วยแต่ยังไม่เข้ารับการรักษา เพราะโรคนี้ส่วนมากมักไม่แสดงอาการ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้รับการรักษา ความรุนแรงของโรคจะเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างอาการของโรค ได้แก่

  • เวียนศีรษะ 
  • ปวดศีรษะ 
  • หน้ามืด 
  • ใจสั่น 
  • ตาพร่ามัว 
  • เป็นลมหมดสติ

วิธีป้องกันและรักษาโรคความดันโลหิตสูง

  • งดทานอาหารรสเค็มหรือมีโซเดียมสูง โดยคนทั่วไปที่ไม่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงไม่ควรทานโซเดียมเกิน 2000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ถ้าป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้วไม่ควรเกิน 1500 มิลลิกรัมต่อวัน  
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์  
  • ลดความอ้วน ให้ค่า BMI ไม่เกิน 23  

หากความดันโลหิตยังเกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท ผู้ป่วยจำเป็นต้องพบแพทย์และรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอถึงแม้จะไม่มีอาการ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมากและทำให้เสียชีวิตได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไม่อยากเป็น "โรคความดันโลหิตสูง" ต้องรู้

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org