ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

จับตา “พรรคเพื่อไทย” โหมโรงนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค กับภารกิจส่ง “หมอชลน่าน” คุมสาธารณสุข กับเหล่ากุนซือที่ต้องจับตามอง...จากนี้ระบบสาธารณสุขจะไม่เหมือนเดิม แรงบวก หรือ แรงลบ...รอลุ้น!

 

ในที่สุดเราก็ได้รัฐบาลใหม่...แน่นอนว่า หลายกระทรวงต่างถูกจับตามองว่าจะขับเคลื่อนนโยบายที่ส่งผลดีต่อประเทศอย่างไร และ “กระทรวงสาธารณสุข” เป็นหนึ่งในนั้น

คงปฏิเสธไม่ได้เมื่อพูดถึงพรรคเพื่อไทยกับกระทรวงสาธารณสุข ต่างต้องคิดถึง “30 บาทรักษาทุกโรค” หรือระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ถูกผลักดันโดยพรรคเพื่อไทย (เดิมพรรคไทยรักไทย) กลายเป็นนโยบายขึ้นหิ้งทอง ที่พรรคหยิบยกมาพูดเสมอ...

มาครั้งนี้ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ ติดป้ายพรรคเพื่อไทยเข้าคุมกระทรวงหมอ ทำให้ทั้งคนในและนอกแวดวงสาธารณสุขต่างจับตามองว่า พรรคจะโหมโรงนโยบายอะไรเป็นพิเศษ...

 

สำนักข่าวออนไลน์ Hfocus  ได้สรุปนโยบายสาธารณสุขของพรรคเพื่อไทย เมื่อครั้งก่อนเลือกตั้ง ซึ่งได้มาร่วมเวทีดีเบต “นโยบายสาธารณสุขเลือกตั้ง66”  จัดโดย Hfocus  ร่วมกับ The Better,  Today,  The Active  และคมชัดลึก เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566  และผู้สื่อข่าว Hfocus ยังมีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “หมอเลี้ยบ-นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบาย “ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค” ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการแบบใกล้บ้านใกล้ใจ ไม่ต้องเดินทางไกล ใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพทั้งหมด

รวมไปถึงยกระดับการรักษามาตรฐานเดียวทั้งสามกองทุนสุขภาพ คือ บัตรทอง ประกันสังคมและสิทธิข้าราชการ ส่วนเรื่องบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข พรรคเพื่อไทยชูนโยบายปรับค่าตอบแทน ปรับโครงสร้างเงินเดือนอย่างเป็นธรรม และแก้ปัญหาแพทย์ขาดแคลน ด้วยการให้รพ.ต่างๆ เป็นองค์การมหาชนเพื่อให้การบริหารจัดการคล่องตัว เป็นต้น

จากนโยบายข้างต้น คาดการณ์ว่า ยุค “หมอชลน่าน” เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข และโดยตำแหน่งจะได้นั่งประธานบอร์ดหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง) ย่อมต้องสานต่อนโยบายช่วงหาเสียง อย่าง ยกระดับ “30 บาทรักษาทุกโรค” ซึ่งพรรคเพื่อไทยในอดีตที่เป็นพรรคไทยรักไทย เริ่มต้นไว้เมื่อประมาณ 22 ปีที่แล้ว  โดยมี “นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์” หรือ “หมอหงวน” อดีตเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) และอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท เป็นผู้บุกเบิกและผลักดัน โดยรัฐบาลที่รับลูกคือ พรรคเพื่อไทย หรือพรรคไทยรักไทย กลายเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จ สร้างชื่อเสียงให้พรรคมาจนทุกวันนี้ จึงไม่ยาก.. ถ้าพรรคจะสานต่อและโหมโรงนโยบายนี้อีกครั้ง...

นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผู้บุกเบิก 30 บาทรักษาทุกโรค

บทบาท "หมอชลน่าน" นำมาสู่เจ้ากระทรวงคนใหม่ รมว.สาธารณสุข

ขณะที่เจ้ากระทรวง “หมอชลน่าน” ย่อมมีบทบาทสำคัญ จากดีกรีเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข และยังเคยเป็นแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน รพ.เวียงสา จ.น่าน และอดีตผอ.รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน  กระทั่งปี 2543 เข้าสู่เส้นทางการเมืองเป็น ส.ส.น่าน พรรคไทยรักไทย  เรียกว่าเป็นลูกหม้อพรรค จนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับบทบาทสำคัญทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา  จาก “คีย์แมนคนสำคัญ”  ประกอบกับสายสัมพันธ์อันดีที่เคยอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะหมอๆในพื้นที่น่าน และอดีตหมอชนบท ย่อมไม่ใช่เรื่องยากจะสานต่อนโยบายสำคัญนี้ จึงไม่แปลกที่จะได้รับเลือกให้เป็น รัฐมนตรีสาธารณสุข 

แต่การสานต่อและกระพือ นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค ให้กลับมาเป็นที่จดจำอีกครั้ง คงไม่มีเพียง “หมอชลน่าน” เพียงคนเดียว เพราะพรรคนี้มีบุคคลที่มีคอนเนคชั่น สายสัมพันธ์อันดีกับคนในกระทรวงสาธารณสุข และคนในตระกูล ส. จำนวนมาก (ยังมีบุคคลที่ไม่ได้เผยออกมาชัดเจน) อย่างน้อยมี  3 บุคคลสำคัญ คือ “หมอเลี้ยบ-นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” อดีตรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขในยุครัฐบาลทักษิณ และเป็นผู้มีบทบาทในช่วงการก่อร่างสร้างนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค

ที่สำคัญในช่วงโควิด “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขยังเชิญ “หมอเลี้ยบ” มานั่งเป็นที่ปรึกษา ซึ่ง หมอเลี้ยบ ใกล้ชิดกับคนในสปสช. ตั้งแต่สมัย นพ.สงวน อยู่แล้ว  ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า นพ.สุรพงษ์ จะถูกวางตัวเป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษาของ นพ.ชลน่าน โดยเฉพาะเรื่องหลักประกันสุขภาพฯ ก็เป็นได้

“หมอเลี้ยบ-นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี”

 

ส่วน “หมอมิ้ง-นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช”  อีกบุคคลที่ต้องจับตามอง เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งจากนายกฯเศรษฐา ให้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คนในแวดวงการเมืองจะเรียกว่า นายกฯน้อย แน่นอนว่า มีส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันนโยบายต่างๆ ประกอบกับ “หมอมิ้ง” ก็รู้จักมักคุ้นกับคนในกระทรวงฯ เพราะเคยเป็นหัวหน้าฝ่ายแผนงานสาธารณสุข กองแผนงานสาธารณสุข ในสำนักงานปลัดกระทรวงฯ  (ปัจจุบันใช้ชื่อกองยุทธศาสตร์และแผนงาน)  เป็นอดีตผอ.รพ.สองห้อง จ.ขอนแก่น และอดีตผอ.รพ.พล จ.ขอนแก่น

ที่สำคัญยังเป็นอีกบุคคลที่อยู่ในพรรค ช่วงก่อร่างสร้างนโยบาย 30 บาทฯร่วมกับ “หมอเลี้ยบ”  อีกทั้ง  “หมอมิ้ง” ยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับบุคคลในกลุ่ม ส. ดังนั้น นโยบายที่ต้องใช้งบประมาณจาก สปสช. เพื่อยกระดับ 30 บาทฯ เพิ่มสิทธิสวัสดิการต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นแน่ 

“หมอมิ้ง-นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช”

ส่วน  “นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์” อดีตรมว.สาธารณสุข อีกผู้หนึ่งที่ถูกจัดวางในตำแหน่งทีมคิดของ นายกฯเศรษฐา  ซึ่งหากย้อนอดีต สมัย “หมอประดิษฐ” เป็นรมว.สาธารณสุขยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์  เป็นช่วงการเมืองร้อนแรง และเป็นสายล่อฟ้าสำคัญของเหตุการณ์ความขัดแย้งภายในกระทรวงฯ โดยเฉพาะการออกประกาศปรับระเบียบจ่ายค่าตอบแทนตามผลปฏิบัติงาน หรือพีฟอร์พี(Pay for Performance - P4P)  จนชมรมแพทย์ชนบทแต่งดำบุกมาถึงกระทรวงฯ ประกอบกับช่วงนั้นมีเหตุการณ์ม็อบ กปปส. ออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ จึงนำไปสู่การเดินขบวนขับไล่ ซึ่งยังมีอดีตปลัดสธ. “นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์” ร่วมประชาคมสาธารณสุข แถลงจุดยืนทางการเมืองไม่เอาระบอบทักษิณ ส่วนกลุ่มหมอชนบทและเครือข่ายฯ ได้ออกมาร่วมต้านระบอบทักษิณเช่นกัน

น่าคิดว่า หาก “หมอประดิษฐ” มาร่วมในรัฐบาล จะมีส่วนในการเสนอหรือผลักดันนโยบายสาธารณสุขอะไรบ้าง นอกเหนือจากยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค

“นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์”

โดยสรุปมองว่า พรรคเพื่อไทยย่อมต้องการสร้างแรงบวกจากนโยบายสาธารณสุขอีกครั้ง ซึ่งในอดีตก็เห็นชัดเจนจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ส่วนแรงลบที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มาจากลมใต้ปีกในกระทรวงฯ ทั้งจากนโยบายที่ออกมาไปกระทบบุคลากรบางส่วน อย่างค่าตอบแทนพีฟอร์พี จนทำให้เกิดการขับไล่รมว.สาธารณสุข ในยุค “หมอประดิษฐ” และขณะนั้นก็มีการเดินขบวนไม่เอาระบอบทักษิณ ซึ่งกลุ่มหมอ เครือข่ายบุคลากรสาธารณสุขเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ร่วมเดินขบวนด้วย

งานนี้จึงต้องรอดูว่า พรรคเพื่อไทย โดย “หมอชลน่าน” จะขับเคลื่อนนโยบายอย่างไร เพื่อสร้างแรงบวกให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งคลอดนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค

 

 

นโยบายสาธารณสุขพรรคเพื่อไทยช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง

HIGHLIGHT

โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประสบความสำเร็จมาแล้ว

อนาคตสาธารณสุขไทย คือการยกระดับโครงสร้างทั้งระบบ ให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

  • บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย นัดคิวออนไลน์ ไม่ต้องรอคิวนานๆ ตรวจเลือดคลินิกใกล้บ้าน เจอหมออีกวันได้เลย
  • รักษาและจ่ายยาออนไลน์ ลดภาระของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์
  • ระดมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ปีทุกคน และผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV  ลดอัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูกมากกว่าครึ่งป้องกันมะเร็งท่อน้ำดี-มะเร็งตับ ตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับและไวรัสตับอักเสบซี รับยา รักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • Mental Health สุขภาพจิตคนไทยจะไม่ถูกละเลย มีการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิก ทั้งที่โรงพยาบาลและผ่านระบบ Telemedicine
  • ส่งเสริมให้มีสถานชีวาภิบาล ไร้กังวลสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ร่วมมือทั้งภาครัฐ และ เอกชน สนับสนุนงบประมาณโดย สปสช.
  • กรุงเทพฯ มีโรงพยาบาลประจำเขตครบทั้ง 50 เขต

 

ข่าวเกี่ยวข้อง :

-“หมอชลน่าน” มั่นใจทำงานสาธารณสุข ชู “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่” ใช้ระบบไอทีเข้าช่วย

-เริ่มแล้ว! สปสช.ชูนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อผู้ป่วยบัตรทอง หนึ่งใน 'ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค’