ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสุขภาพจิต ดูแลจิตใจแรงงานไทยกลับจากอิสราเอล  วางแผน 3 ระยะ ' วิกฤต -ปรับตัว -ฟื้นฟู'  ขยายทีมปฏิบัติการ MCATT ลงสู่ส่วนภูมิภาค พร้อมดูแลคนไทยในอิสราเอลและญาติ  61 ราย พบเครียดทุกราย

 

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากการต้อนรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลชุดแรกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิตได้ร่วมปฏิบัติการดูแลจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจำนวนทั้ง 15 รายทันที ซึ่งจากข้อมูลของจำนวนแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลปัจจุบันมีจำนวนถึง 25,887 ราย พี่น้องประชาชนที่เป็นครอบครัวและญาติในหลายพื้นที่จึงมีความเครียดและกังวลอย่างมาก เพราะตอนนี้มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ได้เดินทางกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัว 

แบ่งปชช. ผู้ได้รับผลกระทบ 3 กลุ่ม 3 ระยะ

กรมสุขภาพจิตได้แบ่งประเภทกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ จำแนกออกเป็น 3 กลุ่มประกอบด้วย 

กลุ่ม A ผู้บาดเจ็บ/ตัวประกัน/ผู้สูญหาย รวมถึงญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับผลกระทบข้างต้น 

 

กลุ่ม B แรงงานไทยในพื้นที่เสี่ยงสูงหรือปานกลาง รวมถึงญาติของกลุ่มดังกล่าว 

 

กลุ่ม C ประชาชนทั่วไปที่รับทราบเหตุการณ์ และผู้ปฏิบัติงานกลุ่มต่าง ๆ

 

ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิตได้มีการกำหนดแนวทางการดูแลจิตใจแรงงานไทยในสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลในแต่ละกลุ่มออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 

 

1. ระยะวิกฤต (Impact Phase) ครอบคลุมช่วงระยะเวลา 24 ชั่วโมง ถึง 72 ชั่วโมง ซึ่งปฏิกิริยาทางใจที่จะแสดงออกในระยะนี้จะประกอบด้วย การช็อค โกรธ เศร้า เสียใจและวิตกกังวล ในช่วงระยะวิกฤติจะใช้แนวทางในการช่วยเหลือโดยวิธีการปฐมพยาบาลทางใจ (Psychological First Aid) 

 

2. ระยะปรับตัว (Post-Impact Phase) ครอบคลุมช่วง 2 ถึง 4 สัปดาห์ ซึ่งปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจะพบว่ามีอาการเศร้า เสียใจ มีการกังวลกับผลกระทบจากเหตุการณ์ โดยมีแนวทางในการช่วยเหลือของระยะนี้จะประกอบด้วย การใช้วัคซีนใจในชุมชนเพื่อค้นหาแหล่งสนับสนุนในการช่วยปรับตัว 

 

3. ระยะฟื้นฟู (Recovery Phase) ซึ่งจะเริ่มหลังจากเกิดเหตุการณ์ 1 เดือนเป็นต้นไป ระยะนี้ปฏิกิริยาทางใจที่พบบางรายอาจจะเริ่มปรับตัวได้กับวิถีชีวิตใหม่ได้แล้ว หรือบางรายอาจแย่ลงหากยังอยู่ในพื้นที่ความไม่สงบ ซึ่งแนวทางในการช่วยเหลือของระยะนี้จะใช้วิธีการจิตบำบัด หรือสังคมบำบัดเพื่อฟื้นฟูดูแลต่อเนื่องภายในชุมชน 

ติดตามคนไทย 15 ราย เครียดสูง 2 ราย 

นพ.พงศ์เกษม กล่าวว่า ซึ่งผลจากการดูแลจิตใจแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ โดยได้มีการจัดสรรบุคลากรเพื่อปฏิบัติงานเยียวยา/ช่วยเหลือ จำนวน 15 ราย  ประกอบด้วยจิตแพทย์ พยาบาลจิตเวช นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการสาธารณสุขและสหวิชาชีพด้านอื่นๆ ซึ่งประชาชนที่กลับจากประเทศอิสราเอลวานนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 15 ราย โดยจากการประเมินสถานการณ์ทางใจพบว่า มีภาวะเครียดสูง 2 ราย และอยู่ในภาวะนอนไม่หลับจำนวน 7 ราย  

 

กลุ่ม B  คนไทยในอิสราเอลและญาติ  61 ราย พบเครียดทุกราย

นอกจากนี้ในกลุ่ม B ซึ่งได้แก่คนไทยในอิสราเอลและญาติ จำนวน 61 ราย พบว่ามีความเครียดทุกราย โดยส่วนแผนการดูแลต่อเนื่องต่อจากนี้ ในกลุ่ม A ได้มีการเตรียมทีม MCATT ส่วนกลางเพื่อประเมินและดูแลจิตใจตั้งแต่ที่สนามบินและจะติดตามอย่างต่อเนื่อง ในกลุ่ม B มีการเตรียมทีม MCATT ส่วนภูมิภาคประเมินและดูแลจิตใจที่ภูมิลำเนา และกลุ่ม C จะมีการสื่อสารในวงกว้างด้านสุขภาพจิต เช่น แนวทางการดูแลจิตใจตนเองสำหรับแรงงานไทยที่ยังเดินทางกลับมาไม่ได้ และแนวทางการดูแลสำหรับประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากสถานการณ์ความไม่สงบในต่างแดน 

 

แนะคนไทยติดตามข่าวสารต้องดูแลจิตใจด้วย

ทั้งนี้ พี่น้องคนไทยที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด สามารถดูแลจิตใจด้วยตนเองเบื้องต้นดังนี้ 1. ดูแลตนเอง รับประทานอาหาร และพักผ่อนให้เพียงพอ 2. รู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง 3. สังเกตอารมณ์ตัวเองอย่างสม่ำเสมอ 4. หลีกเลี่ยงการรับข่าวสารที่มากเกินไป ไม่ส่งต่อภาพความรุนแรงต่าง ๆ และ 5. พูดคุยกับคนอื่นเพื่อระบายความรู้สึก เน้นการสร้างความเข้มแข็งทางใจ

 

หากประชาชนท่านใดพบความผิดปกติของตนเองหรือคนใกล้ชิด ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหรือจิตแพทย์ ณ สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อขอรับคำปรึกษาและการบำบัดรักษา หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ กรมสุขภาพจิตยังได้เปิดไลน์ “สายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพิ่มเติม สำหรับคนไทยในอิสราเอล” เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่กำลังอาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอลและได้รับผลกระทบด้านจิตใจ ให้สามารถเข้ามาลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตติดต่อกลับไปเพื่อให้ความช่วยเหลืออีกด้วย