ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดีกรมควบคุมโรค เยี่ยมให้กำลังใจแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอล  พร้อมสั่งหน่วยงานสังกัดปฏิบัติ 5 ข้อเคร่งครัดรับคนไทยกลับอิสราเอล ทั้งจัดที่พักชั่วคราว ที่สถาบันบำราศฯ เตรียมวัคซีนทีมไปปฏิบัติงานตปท. ฯลฯ ขณะที่ผลคัดกรองสุขภาพกายใจแรงงานไทยรวม 130 ราย  กระดูกแขนหัก 1 ราย มี 37 รายต้องประเมินสุขภาพจิตเพิ่มเติม  

 

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่อาคาร Quarantine Center กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค สถาบันบำราศนราดูร  นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแรงงานไทยที่เดินทางด้วยเครื่องบิน A-340-500 ของกองทัพอากาศ เที่ยวบิน RTAF218 ETA ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Ben Gurion อิสราเอล เมื่อเวลา 19.27 น. เมื่อวานที่ผ่านมา ได้นำคนไทยจำนวน 130 คน เดินทางถึงท่าอากาศยานกองบิน 6  ดอนเมืองแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เวลา 06.50 น. และต่อมาได้พาแรงมาไทยมาถึง อาคาร Quarantine Center กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค   เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. เพื่อตรวจสุขภาพจิตใจเพิ่มเติมในบางราย นัดพบญาติเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา และตรวจรักษาเพิ่มเติม  ณ สถาบันบำราศนราดูร 

ครอบครัวรอรับแรงงานไทยกลับจากอิสราเอล

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศญาติพี่น้อง ครอบครัว ที่มารอรับคนไทยเดินทางกลับ ที่สถาบันบำราศนราดูร พบว่า มีไม่มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ไปรอรับที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม สำหรับที่สถาบันบำราศนราดูร พบ่าเมื่อคนไทยเดินทางมาถึงมีเด็กๆ ทั้งหญิงและชาย ต่างตะโกนเรียก “พ่อ” แล้วโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจจนน้ำตาคลอ โดยลูกๆ บอกพ่อว่า “ดีใจที่พ่อกลับมา” สร้างความตื้นตันใจให้กับผู้เป็นพ่อ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังแรงงานเดินทางมาถึงระหว่างการนั่งรอขึ้นรถกลับ ปรากฏว่า มีแรงงานชาย  1 คน เกิดอาการผิดปกติ เหงื่อแตก ต้องคอยพัดให้ กระทั่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล สอบถามพบว่า เป็นอาการแพ้กุ้ง ซึ่งรับประทานตั้งแต่ตอนที่อยู่บนเครื่องบิน จึงได้รีบนำตัวส่งเข้ารักษาที่รพ.บำราศนราดูร ซึ่งอยู่ติดกันกับที่กองด่านควบคุมโรคฯ เนื่องจากเป็นพื้นที่เดียวกัน

คัดกรองสุขภาพกายใจแรงงานไทยรวม 130 ราย 

ขณะที่ นพ.ธงชัย ให้สัมภาษณ์ว่า แรงงานไทยที่กลับมาในรอบนี้ส่วนใหญ่มีสุขภาพแข็งแรงและคัดกรองรวม 130 ราย เป็นสัญชาติไทย 129 ราย และ สัญชาติอิตาลี 1 ราย พบผู้ที่มีอาการทางเดินหายใจ 6 ราย (ชาย 5 ราย หญิง 1 ราย) ตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคทางเดินหายใจ พบไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A H1N1pdm2009 1 ราย ไวรัสไข้หวัด (common cold) 3 ราย ไม่พบเชื้อ 2 ราย  ส่วนการบาดเจ็บมีล้มกระดูกแขนหัก 1 ราย (3 สัปดาห์ก่อน)ได้รับการรักษาผ่าตัดเรียบร้อยจากประเทศอิสราเอล ซึ่งได้ทำการตรวจเช็กสภาพร่างกายและล้างแผลเพิ่มเติม และมีเพียง 37 คน ที่ต้องได้รับการประเมินด้านสุขภาพจิตเพิ่มเติม ซึ่งผลการประเมินพบความเครียดระดับปานกลาง อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ทุกคนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้

อธิบดีคร.สั่งการหน่วยงานสังกัดปฏิบัติ 5 ข้อรับคนไทยกลับอิสราเอล  

นพ.ธงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อม ดังนี้ 1) กองด่านควบคุมโรคต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เตรียมการคัดกรองสุขภาพ และประสานงานส่งผู้ป่วยบาดเจ็บ หรือโรคทั่วไป ไปที่โรงพยาบาลที่รับผู้ป่วย ทั้งอาคารอากาศยาน  บน. 6 และ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  2) เตรียมที่พักชั่วคราว สำหรับผู้เดินทางที่ยังไม่สามารถกลับภูมิลำเนา ที่กองด่านฯ จำนวน 60 ห้อง ความจุ 90 คน  3) เตรียมการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการชนิดรวดเร็ว (<2 ชม.) ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถาบันบำราศนราดูร สำหรับกรณีผู้ป่วยมีอาการ  4) เตรียมวัคซีน สำหรับทีมที่จะไปปฏิบัติงานยังต่างประเทศ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ โควิด 19 ไข้กาฬ  หลังแอ่น และ  5) สถาบันบำราศนราดูรเตรียมสถานที่ห้องพักต่าง ๆ รองรับผู้ป่วยโรคติดต่อ นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และเพิ่มการสื่อสารกันให้มากขึ้น

ทั้งนี้ มีคนไทยกรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์การเดินทางกับทางสถานทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จำนวน 7,540 ราย จำแนกเป็น ผู้ที่ขอเดินทางกลับประเทศไทย จำนวน 7,446 ราย และ แจ้งความประสงค์ไม่ขอกลับ จำนวน 94 ราย ซึ่งจะทยอยกลับมาเรื่อย ความพร้อมระบบคัดกรองสุขภาพและตรวจรักษาโรคในเบื้องต้นก็จะสะดวกรวดเร็วขึ้น