ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“บุคลากรรพ.สต.“ จ.น่าน ขอบคุณมติ ก.ก.ถ. หลังให้กลุ่ม 222 คนโอนย้ายได้ ชี้! เป็นผลดีทั้งสองฝ่าย เพราะไม่ว่าจะอยู่สังกัดไหนหลักสำคัญคือทำงานเพื่อประชาชน แนะปี 68 ก่อนถ่ายโอนให้พูดคุยกันก่อน เพื่อไม่เกิดปัญหาซ้ำ 

วันที่ 1 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฯ ได้มีการประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 4/2566 ได้สรุปว่า มติ ก.ก.ถ.ให้บุคลากร 222 คน จาก “5 หน่วยสังกัดสธ.” สามารถโอนย้ายไปอบจ.ได้ ส่วนในปีงบประมาณ 68 ให้ทำตามมติคณะอนุกรรมการฯ เหมือนเดิมนั้น ล่าสุด 2 พ.ย. 66 บุคลากรสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กับ Hfocus ถึงเรื่องดังกล่าวดังนี้

นายนันทมิตร นันทะเสน ผอ.รพ.สต.สะเนียน อ.เมือง จ.น่าน กล่าวว่า จากมติ ก.ก.ถ.ที่มีการชี้ขาดว่าให้บุคลากร 222 คน จาก “5 หน่วยสังกัดสธ.” สามารถโอนย้ายไปอบจ.ได้นั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ในส่วนที่สำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวงสาธารณสุขได้เห็นด้วยและพร้อมขับเคลื่อนการถ่ายโอนต่อไป ต้องขอบคุณ “ท่านสมศักดิ์” และ “อาจารย์เลอพงศ์” ที่ให้กลุ่มบุคลากร 222 คนได้โอนย้ายเพื่อจะปฏิบัติหน้าที่และทำประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนเพราะสิ่งสำคัญคือการให้บริการประชาชน จึงขอแสดงความยินดีกับบุคลากรอีกครั้ง เพราะการโอนย้ายในมติที่ประชุมได้บอกว่าตำแหน่งหรือสิทธิต่างๆจะได้เหมือนกับการถ่ายโอน ซึ่งเรามีความรู้สึกโล่งใจในเรื่องนี้

อีกทั้งเรื่องที่บุคลากรไปรายงานตัวเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2566 แต่มีหนังสือถูกเรียกตัวกลับ สสจ. แต่ปรากฏว่าสามารถให้อยู่ปฎิบัติงานที่สังกัด อบจ. ต่อไปได้ เรื่องนี้เป็นห่วงอย่างมากว่าถ้าไม่มีความชัดเจน เมื่อปฏิบัติงานต่อไปเรื่อยๆ การที่บุคลากรจะได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษ หรือ ฉ.11 อาจจะได้รับผลกระทบตามมา แต่ตอนนี้ก็มีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว สำหรับการถ่ายโอนรอบนี้ ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญเพราะเป็นการถ่ายโอนครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 2 ต.ค. 65 ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าบุคลากรหลายคนไม่มีความมั่นใจในการถ่ายโอน ซึ่งสุดท้ายทั้ง 49 อบจ. เกิดปัญหาเรื่องบุคลากรจริง แต่บางแห่งสามารถแก้ไขและหาทางออกได้และบางแห่งเกิดปัญหาอย่างหนักไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้   

"ดังนั้นในปีงบประมาณ 68 อยากให้บุคลากรที่ประสงค์ถ่ายโอนมาคุยเรื่องหลักเกณฑ์และแนวทางให้ชัดเจนร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยและสร้างความมั่นใจให้กับบุคลากรที่มีความมุ่งมั่นที่จะมาปฏิบัติงานในหน่วยบริการปฐมภูมิและสังกัดท้องถิ่น หน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง ควรต้องมีการทบทวนข้อผิดพลาดเพื่อให้ไม่เกิดซ้ำรอยอีกครั้ง" นายนันทมิตร กล่าว.

 

ด้าน น.ส.กนกจันทร์  แก้วเบี่ยง ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.บ้านน้ำรีพัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน กล่าวว่า หากมองในภาพรวมเรื่องระบบการทำงานถือว่าค่อนข้างดี แต่ในเรื่องบุคลากรหลังจากที่ถ่ายโอนมานั้นยังมีเรื่องบุคลากรไม่เพียงพอในการให้บริการอยู่ เพราะเราตั้งความหวังว่าเมื่อถ่ายโอนมาบุคลากรจะเพิ่มขึ้นตามกรอบโครงสร้างทันที เพื่อให้ตอบโจทย์ในบริบทในการให้บริการประชาชนในพื้นที่ 

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้พัฒนาก้าวหน้าให้ดีกว่านี้ต้องได้รับการเติมเต็มในเรื่องบุคลากรให้เพียงพอเพื่อตอบโจทย์การให้บริการสุขภาพประชาชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เพราะการทำงานไม่ใช่แค่การตรวจรักษาแต่มีการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านของผู้ป่วยด้วย ถ้าหากมีการเพิ่มบุคลากรเข้ามาการทำงานตรงนี้จะสามารถดำเนินการไปได้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลจึงอยากให้ อบจ. เร่งสรรหาบุคลากรเพิ่มมาให้ครบตามกรอบโดยเร็ว เพื่อความพร้อมในการให้บริการประชาชนต่อไป

นางจำปา ละออ ผอ.รพ.สต.พระธาตุ อ.เชียงกลาง จ.น่าน (พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ) กล่าวว่า ในกลุ่มบุคลากร 222 คน หากโอนย้ายมาแล้วไม่เกิดผลกระทบหรือเกิดปัญหาอะไร มองว่าเป็นผลดีทั้งสองฝ่าย เพราะ ไม่ว่าจะอยู่สังกัดไหน หลักสำคัญคือการทำงานเพื่อประชาชนอยู่แล้ว นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนในกระบวนการถ่ายโอนในแต่ละครั้งเป็นการดำเนินการตามระเบียบกฎหมายอยู่แล้ว การถ่ายโอนในครั้งต่อไป ผู้ประสงค์ถ่ายโอนกับผู้รับถ่ายโอนควรพูดคุยตกลงกันให้ชัดเจน ก่อนที่จำดำเนินเรื่องในขั้นตอนต่อๆไป เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดหรือปัญหาต่างๆจะไม่ตามมา

สำหรับในพื้นที่ รพ.สต.เชียงกลางอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน ตอนนี้การบริการถือว่าขับเคลื่อนไปได้ดี การตรวจคัดกรองสุขภาพ การให้บริการประชาชนถือว่าดำเนินการไปด้วยดี เรามีการทำงานเชื่อมโยงระหว่างโรงพยาบาลชุมชน รพ.สต. อบจ. จะเป็นเครือข่ายที่ดีต่อกัน แต่ช่วงแรกยังมีปัญหาคือ ขาดแคลนบุคลากรทันตาภิบาล แต่ตอนนี้เรามีทันตาภิบาลให้บริการประชาชนแล้วในการหมุนเวียนไปตาม รพ.สน. ต่างๆ ซึ่งเรามีการทำงานและวางแผนกันเป็นอย่างดี 

"แต่การถ่ายโอนในครั้งต่อไปนั้น สมาคมหมออนามัยจังหวัดน่าน สมาคมอบจ.น่าน เราได้มีการพูดคุยเรื่องที่ว่า บุคลากรบางคนเลือกอยู่พื้นที่ที่สะดวกกับตนเอง อย่างพื้นที่ห่างไกล พื้นที่บนดอย จะไม่ค่อยมีบุคลากรประสงค์ถ่ายโอนมา ดังนั้นในครั้งต่อไป เรื่องนี้เราจะจัดลำดับความสำคัญว่าบุคลากรควรไปที่ไหนอย่างไรก่อน"นางจำปา กล่าว