เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ จวกรัฐบาล ไม่เห็นคุณค่าชีวิตประชาชน ขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึงตี 4 แต่ขาดเปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างเข้มข้น ผิดหวัง “รมว.ชลน่าน-ผู้บริหารสธ.” ไร้จุดยืนปกป้องสุขภาพปชช.จากภัยแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น ขณะที่ตั้งคำถาม “อนุทิน” เปลี่ยนจุดยืนเมื่อเปลี่ยนบทบาท พร้อมประสานขอเข้าพบเร็วๆนี้

 

จากกรณีคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไฟเขียวขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง หรือ ผับบาร์ถึง 04.00น. ของวันรุ่งขึ้นได้ ประกอบด้วย สถานบริการที่ตั้งที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม, สถานบริการที่ตั้งอยู่ในท้องที่กรุงเทพมหานคร, จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดเชียงใหม่ และท้องที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำหรับท้องที่อื่นที่ประสงค์จะให้สถานบริการเปิดทำการได้ถึง 4.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ให้เป็นไปตามประกาศจังหวัดภายใต้หลักเกณฑ์ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยกำหนดต่อไป

จวกรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ผลกระทบขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึงตี4

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ว่า จากมติครม.จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่แค่ 5 พื้นที่โซนนิ่งเท่านั้น แต่ระบุว่าท้องที่อื่นที่ประสงค์เปิดตามให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตรงนี้ชัดเจนว่า จะครอบคลุมทั้งหมดในอนาคต สิ่งที่ผิดหวังมากๆ คือ การขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึงตี 4 นั้น กลับไม่ได้รับฟังความคิดเห็นอย่างเข้มข้นมากพอ มีเพียงในเว็บไซต์ ซึ่งประกาศขึ้นไม่กี่วัน หลายคนแทบไม่รู้ด้วยซ้ำไป อยู่ๆก็นำเข้าครม.และพิจารณาออกมา เรียกว่า นโยบายสาธารณะ แต่การมีส่วนร่วมถือว่าแย่มาก

“ อย่าลืมว่านโยบายพวกนี้คือความเป็นความตายของคน  มีความเป็นความตาย เจ็บป่วยอยู่ในนั้น จะไปคิดเหมือนนโยบายเงินดิจิทอล ไม่มีคนเจ็บคนตายให้เห็นชัดขนาดนี้ ย่อมแตกต่างกัน  แต่นี่กลับทำออกมาโดยไม่สนใจข้อมูลวิชาการ ข้อท้วงติงใดๆ เลย ดังนั้น เมื่อความเสียหายเกิดขึ้น รัฐต้องแบกรับ เพราะหากประเมินด้วยข้อเท็จจริงแล้ว ว่า  ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้ดึงนักท่องเที่ยวจริงๆ  แต่กลับต้องแลกด้วยความสูญเสีย จะทำอย่างไร รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วย ไม่ใช่คิดออกมาง่ายๆ พอประเมินไม่ได้ก็หยุดแบบนี้หรือ” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า  การจะออกกฎกระทรวงฯ ต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็น ต้องทำเข้มข้นกว่านี้ ต้องถึงขั้นประชาพิจารณ์ทุกภาค ยิ่งประเด็นวงกว้างขนาดนี้ กลับออกมาง่ายๆ แสดงว่า รัฐบาลแสดงจุดยืนแล้วว่า จะเลือกอุ้มคนกลุ่มหนึ่งหรือไม่ แต่กลับไม่สนใจประชาชน แม้เบื้องต้นจะบอกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ เริ่มจากพื้นที่โซนนิ่ง แต่ถามว่า อนุญาตจังหวัดนี้ คนที่อยากมากินมาดื่มจังหวัดข้างๆ มาไม่ได้หรืออย่างไร จะมีมาตรการอะไรควบคุม   ดังนั้น  เมื่อรัฐบาลตัดสินใจแล้วก็ต้องประเมินผลอย่างเป็นธรรม ด้วยหน่วยงานวิชาการที่เป็นอิสระ  หากประเมินแล้วไม่เป็นไปตามคาด จะชดเชยความเสียหายอย่างไรบ้าง เรื่องนี้มีข้อมูลจากต่างประเทศที่ทำลักษณะนี้ อย่างออสเตรเลียขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ผับบาร์ขยายเวลามากขึ้นเพียง 1 ชั่วโมง ปรากฎว่า  พบความสูญเสีย มาที่ห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้น 16%   

 

ผิดหวัง รมว.ชลน่าน ผู้บริหารสธ.-ขอพบรมว.มหาดไทย "อนุทิน" จุดยืนเปลี่ยนตามบทบาท

“น่าเสียดายมากที่ฝั่งกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารต่างๆ ไม่ได้ออกมาแสดงจุดยืนเรื่องนี้อย่างดีพอ แม้แต่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงจะเคยให้สัมภาษณ์ว่า ต้องเน้นเรื่องมิติสุขภาพ แต่ น่าจะมีจุดยืนเรื่องความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพชัดกว่านี้ คล้ายๆ ตั้งรับมากไป แม้แต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย เคยเป็นรมว.สาธารณสุข ก็เปลี่ยนจุดยืนแล้ว ตรงนี้ทางเครือข่ายฯเตรียมประสานขอเข้าพบรมว.มหาดไทยเช่นกัน” นายชูวิทย์ กล่าว

 ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ ยังกล่วอีกว่า ในสัปดาห์หน้า ทางเครือข่ายจะเปิดผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการขยายเวลาเปิดผับบาร์ ประมาณ 3,000 กว่าตัวอย่าง ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และจะมีรายละเอียด ซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป

 

ข่าวเกี่ยวข้อง : “ชลน่าน” มอบคณะทำงานจัดมาตรการดูแล ปชช. รับขยายเวลาปิดผับบาร์ตี 4