ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“ชลน่าน” ลั่นสธ.เก็บข้อมูลผลกระทบขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึงตี 4 พร้อมดันสถานบริการใช้ “เครื่องวัดแอลกอฮอล์” แบบพกพา คัดกรองคนเมา ด้านคร.เผยเป็นการขอความร่วมมือ บังคับไม่ได้ ขณะที่ อย.เตรียมแก้กฎหมายให้ประชาชนใช้เครื่องวัดแอลกอฮอล์ชนิดเป่า เป็นอุปกรณ์ทั่วไปจากปัจจุบันเป็นเครื่องมือแพทย์

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่ขยายเวลาการเปิดสถานบริการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกระทรวงมหาดไทย นำร่องใน 4 จังหวัด ว่า นโยบายดังกล่าว เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศในด้านการท่องเที่ยว แต่เราในมิติด้านสุขภาพก็มีหน้าที่กำกับดูแลให้เกิดอุบัติ ความสูญเสียกับประชาชนน้อยที่สุด ซึ่ง สธ. จะมีการเก็บข้อมูลผลกระทบจากนโยบายนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้เราเน้นย้ำเรื่องการดื่มแล้วขับ จึงมีคำแนะนำให้สถานบริการจัดเตรียมดอุปกรณ์ตรวจวัดระดับหรือปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ เพื่อคัดกรองลูกค้าก่อนออกจากร้าน โดยปริมาณจะต้องไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ด้วยเครื่องมือดังกล่าวอยู่ในกฎหมายที่เป็นเครื่องมือแพทย์ ดังนั้น ระหว่างที่จะมีการแก้ไขกฎหมายให้สามารถเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้โดยบุคคลทั่วไปนั้น ก็จะประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าใจถึงเรื่องนี้ และอย่าเพิ่งจับกุมคนที่นำเครื่องเป่าแอลกอฮอล์มาใช้

ขณะที่ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตามที่ ทางคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ มีคำแนะนำว่า การเปิดสถานบริการถึง 0.400 น. ของวันรุ่งขึ้นนั้น ทางสถานบริการควรจัดที่พักคอยให้ผู้มาใช้บริการ จัดให้มีรถไปส่ง รวมถึงจัดอุปกรณ์ตรวจวัดระดับหรือปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ซึ่งได้มีการคุยกับทางกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้คำแนะนำดังกล่าวไปเน้นย้ำกับสถานบริการ ทั้งนี้ เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์แบบเป่านั้น จะมีการแก้ไขกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ทั่วไป เหมือนอย่างเช่นเครื่องวัดความดันโลหิต แต่ในทางกฎหมายนั้น ยังต้องใช้เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ชนิดที่เป็นทางการแพทย์อยู่

 

เมื่อถามว่าหากทางสถานบริการมีเครื่องเป่า แต่ผู้ใช้บริการไม่เป่า จะเอาผิดได้หรือไม่ นพ.ธงชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถบังคับได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ แต่การที่สถานบริการมีมาตรการนี้ ก็จะเป็นการยกระดับมาตรฐานของสถานบริการนั้นๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่า เมื่อเข้ามาที่ร้านแล้วจะได้รับความปลอดภัยด้วย

ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 กำหนดให้เครื่องตรวจวัดระดับหรือปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าต้องแสดงเอกสารที่แสดงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยและต้องมีมาตรฐาน เนื่องจากจะต้องนำผลไปใช้ประกอบการสอบสวนทางคดีความ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายนำร่องเปิดสถานบริการจนถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยเริ่มใน 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นั้น ทางคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ก็ได้มีคำแนะนำสถานบริการที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย ที่สามารถดำเนินการเปิดถึงได้เวลาตี 4 นั้น ควรจะมีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ให้กับผู้บริการก่อนออกจากร้าน แต่ด้วยอุปกรณ์ดังกล่าว ยังเป็นเครื่องมือแพทย์ หากใช้โดยบุคคลทั่วไปนั้นก็จะมีความผิดได้

 

“ขณะนี้ ท่านรมว.ชลน่าน ก็ได้ประสานขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หากพบเห็นร้านใดที่ใช้เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ ก็อย่าเพิ่งไปจับกุม เพราะให้ยึดถือความปลอดภัยและประโยชน์ของประชาชนก่อน ขณะเดียวกัน ทาง อย. ก็กำลังหาบทเฉพาะกาลในการแก้กฎหมายให้เครื่องวัดแอลกอฮอล์ชนิดเป่า เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้ทั่วไป” นพ.ณรงค์กล่าว

 

เมื่อถามว่ากรณีที่เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ เป็นเครื่องมือทั่วไปแล้วจะสามารถดูมาตรฐานความแม่นยำได้หรือไม่ นพ.ณรงค์กล่าวว่า ในกรณีนี้ จะต้องมาดูว่าการออกกฎหมาย อาจต้องเป็น 2 ลักษณะคือ 1.อุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่สามารถใช้อ้างอิงทางกฎหมายได้ และ 2.เครื่องมือทั่วไปที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสินค้าจาก มอก. เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ตรวจวัดได้เองในเบื้องต้น