ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายแพทย์ 4 สถาบัน แจงข้อเท็จจริงเหตุโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ และคลินิกในกทม. เกิดปัญหาการจ่ายเงินของสปสช. ส่งผลขาดสภาพคล่อง มาจากระบบบริการที่เปลี่ยนแนวทางการจ่ายเงินเพียง 57 % ของค่าบริการจริง  ระบุ 14 ก.พ. นี้ ตบเท้าพบ"หมอชลน่าน"

ตามที่เครือข่ายคลินิกชุมชนอบอุ่นในกทม. กว่า 100 แห่ง ขึ้นป้ายดำประท้วงกรณีการเบิกจ่ายงบประมาณของ สปสช. ส่งผลให้ขาดสภาพคล่องกันทั่วหน้า

ล่าสุดวันที่ 8 ก.พ. เครือข่ายแพทย์ 4 สถาบัน ประกอบด้วย เครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ,ชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ,ชมรมโรงพยาบาลสถาบันกรมการแพทย์ และ สมาคมคลินิกชุมชนอบอุ่น ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ข้อเท็จจริงและข้อเสนอประกอบการแก้ปัญหาเรื้อรังจากการบริหารจัดการของสปสช. ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

โมเดล 5 กระทบคลินิก กทม. 

โดยระบุว่า ในระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิในกทม. สปสช.เขต13 และ อปสข เขต13 มีการปรับระบบบริการที่ผิดพลาดจากโมเดล 2 เป็นโมเดล 5 ในปีงบประมาณ 2564 ส่งผลกระทบให้มูลค่าการบริการเกินกว่าการบริการเกือบ 300 ล้านบาท โดย สปสช.จ่ายบริการชดเชยค่าบริการผู้ป่วยนอกแก่คลินิกชุมชนอบอุ่น เพียงร้อยละ 57 ของค่าบริการจริง ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2567 ปรากฎว่ามีการจ่ายค่าบริการในไตรมาสแรกเกินกว่า ร้อยละ 50 ของงบประมาณ มีแนวโน้ม จะมีปัญหาเช่นเดียวกับปี 2566

จึงเรียกร้องให้หยุดใช้ โมเดล 5 ในกทม.โดยเร็ว และกลับไปใช้โมเดล 2 และแนะนำให้จัดสรรงบประมาณค่าบริการผู้ป่วยนอกเพิ่มเติมให้เพียงพอสำหรับการบริการใน 3 ไตรมาส ที่เหลือของปีงบประมาณ 2567 และจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย์ในอัตราปกติ และไม่ควรขยายบริการโมเดล 5 ออกไปนอก กทม.

รพ.สังกัดสธ.รับผลกระทบด้วย

ส่วนระบบบริการสุขภาพในภูมิภาค ซึ่งดำเนินการโดยสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุข เกือบร้อยละ 100 นั้น พบปัญหาโดยสังเขป ได้แก่ ค่าบริการเหมาจ่ายรายหัว สปสช. จ่ายให้ต่ำกว่าต้นทุนอย่างมาก เมื่อปี 2567 ต้นทุนในหน่วยบริการโรงพยาบาลศูนย์ และ โรงพยาบาลทั่วไปของกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนของผู้ป่วยในอยู่ที่ 13,142 บาท ต่อ 1AdjRW แต่สปสช.กลับจ่ายในอัตรา 8,350 บาท ต่อ 1AdjRW หรือ ร้อยละ 63 ของต้นทุนบริการมาตลอดในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการปรับเพิ่มอัตราจ่ายให้หน่วยบริการ

ในปี 2566 สปสช. คาดว่าบริการผู้ป่วยในต่ำกว่าความเป็นจริงมาก เพราะสถานการณ์โควิด ผู้ป่วยถูกเลื่อนบริการ ทำให้มีผู้ป่วยตกค้างจำนวนมาก เมื่อสถานการณ์คลี่คลายยอดบริการผู้ป่วยจึงปรับเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้สปสช.ไม่เคยประสานกับหน่วยบริการในการประเมินฉากทัศน์ และใช้วิธีแก้ปัญหาเดิม ๆ ดึงเงินค่าบริการผู้ป่วยในกลับจากโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข 710 แห่ง รวมเป็นเงิน 2,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการจ่ายค่าบริการเพียง 7,678 บาทต่อ 1AdjRW หรือ คิดเป็น ร้อยละ 58 ของต้นทุน

(ข่าวเกี่ยวข้อง : “ชลน่าน” ร่วมหาทางออกยูฮอสเน็ตและสมาคมคลินิกชุมชนอบอุ่น 14 ก.พ.หลังปมปัญหาเบิกจ่ายเงินสปสช.)

ทั้งนี้การจ่ายค่าบริการต่ำกว่าทุนทำให้หน่วยบริการประสบปัญหาวิกฤตการเงิน รพ.เอกชนออกจากระบบหลักประกันสุขภาพ หากปล่อยเป็นเช่นนี้ อนาคตจะกระทบต่อบริการประชาชน

ที่ผ่านมาสปสช.ประกาศปรับอัตราการเบิกจ่ายไม่เคยมีการตกลงร่วมกับหน่อยบริการ ทั้งที่ต้นทุนโรงพยาบาลแต่ละระดับที่แตกต่างกัน

นอกจากนี้ ทางเครือข่ายสถานพยาบาลฯ ยังมีข้อเสนอแนะ ใช้เงินกองทุนรายได้ (ต่ำ)กว่ารายจ่ายสะสม เนื่องจากเป็นการให้บริการเกินเป้าหมายจริง ,ค่ารักษาส่วนที่เกินจากการประมาณการ สปสช. ควรแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่ผลักภาระให้หน่วยบริการ สปสช.ต้องลงบัญชีเป็นลูกหนี้ ของโรงพยาบาลที่เคยเรียกคืน ไม่ใช่ลงบัญชีว่า โรงพยาบาลเป็นลูกหนี้สปสช. และต้องลดขั้นตอนและลดการกำหนดข้อมูลที่มากเกินจำเป็น พร้อมสนับสนุนให้เร่งรัดจัดตั้งเครือข่ายสถานพยาบาล Provider Board เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม ใช้ข้อมูลการบริการจริงในการคำนวณวงเงิน

ทั้งนี้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00 น. ทาง 4 สถาบัน นัดรวมพลัง ยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อ นพ.ชลน่าน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. พร้อมข้อเสนอปรับปรุงการดำเนินการของ สปสช. และ เร่งรัดจัดตั้งองค์กรสถานพยาบาล (provider board)

 

 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง : 

-“ชลน่าน” ยินดีหาทางออกร่วม ยูฮอตเน็ตและสมาคมคลินิกชุมชนอบอุ่น 14 ก.พ.หลังปมปัญหาเบิกจ่ายเงินสปสช.

-สปสช.แจงกรณี "ยูฮอสเน็ต" ส่งหนังสือเร่งจ่ายเงิน รพ.โรงเรียนแพทย์