ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

สั่งศึกษาย้ายอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ ไปอยู่ใต้อำนาจคณะกรรมการกำหนดระบบบริหารยาฯ

ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดระบบบริหารยา เวชภัณฑ์ การเบิกจ่ายค่าตรวจวินิจฉัยและค่าบริการทางการแพทย์ ซึ่งมีนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน วันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการเสนอให้โอนย้ายอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ จากเดิมที่อยู่ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ มาอยู่ภายใต้คณะกรรมการชุดนี้แทน อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังไม่มีสรุปว่าจะโอนย้ายหรือไม่ โดยให้ศึกษาข้อดี ข้อเสีย และพิจารณาอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่าข้อเสนอให้เพิ่มอำนาจคณะกรรมการกำหนดระบบบริหารยาฯ ในเรื่องบัญชียาหลัก ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยาข้ามชาติ แต่ทำให้การดำเนินงานเกิดความคล่องตัว เพราะคณะกรรมการชุดนี้ตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีและประชุมทุกเดือน ขณะที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติประชุมทุก 4 เดือน

นพ.พิพัฒน์ กล่าวว่า หลักการดำเนินงานในการคัดเลือกยาเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ ยังคงยึดหลักการเดิม คือจะต้องเป็นยาดี มีประสิทธิภาพในการรักษา ราคาสมเหตุสมผล ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยาข้ามชาติแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ผลงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ การต่อรองราคายาเพ็คกิเลต อินเตอร์เฟอรอน(Pegylated Interferon) ที่ใช้รักษาไวรัสตับอักเสบ จากราคา 9,241 บาท เหลือเพียง 3,150 บาทต่อเข็ม ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 600 ล้านบาท หรือการเลือกใช้ยารักษาอาการเรตินาฝ่อจากเดิมที่ใช้ยารานิบิซูแมบ ราคา 4 หมื่นบาทเป็นยาเบวาซิซูแมบ (Bevacizumab) ที่มีราคาเพียง 1,000 บาท ทำให้บริษัทยาข้ามชาติเสียประโยชน์ไป 1,950 ล้านบาท

ขณะที่คณะกรรมการกำหนดระบบบริหารยาฯ ที่มีการเสนอให้ย้ายอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติมาอยู่ภายใต้นั้น มีองค์ประกอบจาก2 ส่วน คือ ฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ

ที่มา: นสพ.โพสต์ทูเดย์ 12 ก.ย. 2555

เรื่องที่เกี่ยวข้อง