ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นักวิชาการเผย อ้วนแต่เด็กเสี่ยงอ้วนจนแก่ 80% ชี้โรงเรียนช่วยขจัดอ้วนได้ จัดเมนูผลไม้เพิ่ม ลดอ้วนได้ 30% ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ลดอ้วนได้อีก 20% แนะยึดหลัก 3 อ. อารมณ์ อาหาร ออกกำลังกาย ช่วยได้

นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้จัดการโครงการโภชนา การสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในการเสวนา "ทราบแล้วเปลี่ยน...โรงเรียนไม่ซ่อนอ้วน" ภายในเวที "สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่" ว่า ปัจจุบันโรงเรียนส่วนใหญ่จัดเมนูอาหารพลังงานสูง โดยเด็กนักเรียน 1 ใน 3 กินอาหารที่มีแป้ง ไขมัน โซเดียมในปริมาณสูงเป็นประจำ มีข้อมูลที่น่าสนใจว่า โรงเรียนที่มีการจัดผลไม้ให้กับเด็กใน 1 สัปดาห์มีเด็กอ้วนน้อยกว่าโรงเรียนที่ไม่จัดผลไม้ร้อยละ 30 ขณะที่โรงเรียนที่รับการสนับสนับสนุนจากบริษัทเครื่องดื่มและขนมมีเด็กอ้วนเป็น 1.5 เท่าของโรงเรียนที่ไม่มี นอกจากนี้ โรงเรียนที่มีการจัดกิจกรรมทางกายให้กับนักเรียนสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะพบเด็กอ้วนน้อยกว่าโรงเรียนที่ไม่ได้จัดถึงร้อยละ 20

"โรงเรียนไม่ควรมีนโยบายรับการสนับสนุนจากบริษัทน้ำอัดลมเพียงเพราะอยากได้เต็นท์ น้ำดื่ม เพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ โรงเรียนจะได้ตู้ขายน้ำอัดลมอัตโนมัติที่เป็นสัญญาที่ผูกมัดนาน 10 ปี แต่แลกกับการทำลายสุขภาพเด็กโดยไม่รู้ตัว ขณะนี้พยายามเข้าไปแก้ปัญหานำน้ำอัดลมออกจากโรงเรียน แต่ก็พบว่ามีหลายโรงเรียนที่ติดสัญญาแบบนี้อยู่" นายสง่ากล่าว

นายสง่ากล่าวว่า หากผู้ปกครองที่พบปัญหาลักษณะนี้อย่านิ่งเฉยปล่อยให้ลูกหลานอ้วน โดยเด็กเล็กที่อ้วนจะเสี่ยงเป็นผู้ใหญ่อ้วน ร้อยละ 25-30 เด็กโตและวัยรุ่นที่อ้วนจะเสี่ยงเป็นผู้ใหญ่อ้วนร้อยละ 80 จึงควรแก้ไขให้เด็กมีกิจกรรมทางกายและโภชนาการที่สมวัย โดยยึดหลัก 3 อ. ได้แก่ อารมณ์ คือสร้างแรงจูงใจอยากลดความอ้วน อาหาร คือใช้วิธี 2 ให้ 3 ไม่ คือ 1.ให้กินให้ 3 มื้อ ครบ 5 หมู่ 2.ให้กินผัก ผลไม้ 3.ไม่กินข้าวหรือแป้งมากเกินไป 4.ไม่กินจุบจิบ 5.ไม่กินหวานหรือมันมากเกินไป และออกกำลังกาย อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง แต่หากความอ้วนมาเยือนแล้วควรออกกำลังกาย 45 นาที-1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 5-6 ครั้ง ออกกำลังกายทุกวันยิ่งดีมีประโยชน์ ทั้งนี้ หลัก 3 อ. เป็นสิ่งที่ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าลดได้จริง ไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วน เพียงแต่รู้แล้วต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง.--จบ--

ที่มา: http://www.thaipost.net