ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

น.ส. อานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผย ภายหลังพิธีลงนามความร่วมมือจัดส่งวัสดุเสพติดที่ใช้ในทางการแพทย์ระหว่างไปรษณีย์ไทยและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยใช้ศักยภาพด้านเครือข่ายการขนส่งของบริการไปรษณีย์โลจิสติกส์กว่า 11 แห่ง กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ แยกระบบขนส่งเฉพาะในรูปแบบจุดต่อจุด ผสานกับการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ ระบบชิปปิ้งทูลส์ (Shipping Tools) ที่เชื่อมโยงข้อมูลทุกขั้นตอนของการจัดส่ง โดยข้อมูลสินค้าที่จะส่งจากคลังวัตถุเสพติดที่ใช้ในทางการแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไปยังบริษัทไปรษณีย์ไทยโดยตรง ก่อนนำรถออกไปรับและขนส่งต่อไปยังเครือข่ายของหน่วยบริการไปรษณีย์โลจิสติกส์ทั่วประเทศ เพื่อส่งให้แก่โรงพยาบาล สถานพยาบาล และคลินิกในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป ทั้งนี้ อย. และโรงพยาบาลปลายทางสามารถตรวจสอบสิ่งของได้ในทุกขั้นตอนตลอด 24 ชม. นอกจากนี้ยังส่งคืนของกลับกรณีไม่มีผู้รับอีกด้วย

 “การขนส่งสินค้าให้ อย. และองค์การเภสัชฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพย์สินที่มีอยู่ของไปรษณีย์ทั้งระบบไอทีและระบบขนส่ง โดยไปรษณีย์จะคิดค่าใช้จ่ายแค่ค่าดำเนินการเท่านั้น ซึ่ง การสร้างเครือข่ายขนส่งร่วมกัน จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่องค์กร” น.ส.อานุสรากล่าว

ด้านนพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้ส่วนราชการทบทวนและปรับขั้นตอนการทำงาน โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน ให้มีการทำงานประสานกันแบบบูรณาการทั้งภายในและนอกหน่วยงาน เพื่อให้เกิดการทำงานที่สอดคล้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งจากการทดลองส่งสินค้าดังกล่าวมาแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าสามารถส่งสินค้าไปยังปลายทางได้รวดเร็วภายใน 3 วัน อีกทั้งยังติดตามกระบวนการต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย ส่งผลให้เป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสำรองยาของสถานพยาบาลได้เป็นอย่างดี