ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีแพทย์ทหารบกร้องเรียนว่าหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งเตรียมบริจาควัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน จำนวน 1 แสนโดส ให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แต่ค่ายทหารยังไม่รับวัคซีนดังกล่าว เนื่องจากวัคซีนใกล้หมดอายุ ว่าขณะนี้ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่ร้องเรียนเพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันแล้ว

"วัคซีนไม่เหมือนอาหารทั่วไป แม้จะหมดอายุในวันสุดท้ายก็ยังมีประสิทธิภาพเต็ม 100% ส่วนการใช้วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน ที่หลายคนเข้าใจว่าฉีดเฉพาะกลุ่มเด็กนั้น ข้อเท็จจริงสามารถใช้ในกลุ่มผู้ใหญ่ได้ เนื่องจากปัจจุบันการกระตุ้น ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติลดลง และพบการระบาดในกลุ่มผู้ใหญ่ที่อยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น มหาวิทยาลัย ค่ายทหาร ฯลฯ หากฉีดในค่ายทหารได้ก็ถือเป็นการลดความเสี่ยงเกิดการระบาดด้วย" นพ.วินัยกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ข้อเท็จจริง คือ ในการประชุมอนุกรรมการชุดหนึ่งในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีคำแนะนำว่าวัคซีนชนิดนี้ควรเข้าถึงกลุ่มเสี่ยง เพราะเมื่อปี 2555 มีการระบาดของโรคคางทูมในค่ายทหาร เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 ได้มีหนังสือจากกรมแพทย์ทหารบกที่ กห 0446/997 ประสานขอวัคซีนรวมหัด คางทูม และหัดเยอรมัน จาก สปสช.เพื่อจัดสรรให้แก่กำลังพลและครอบครัว 150,000 โดส แต่เข้าใจว่าอาจเป็นการประสานงานภายใน โดยที่หน่วยงานในสังกัดกองทัพไม่ทราบเรื่อง ส่วนกรณีที่ว่า กอ.รมน.ปฏิเสธรับวัคซีนชนิดนี้ ทราบว่าหน่วยงานดังกล่าวไม่มีการขอใช้วัคซีนแต่อย่างใด

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 2 สิงหาคม 2556