ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ไทยโพสต์ - รัฐบาลซาอุดีอาระเบียเผยมีผู้เสียชีวิตเพราะไวรัสเมอร์สเพิ่มอีก รวมเป็น 53 ศพแล้ว ขณะโอมานเพื่อนบ้านรายงานผู้สังเวยไวรัสโรคทางเดินหายใจเป็นรายแรก

ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกนับถึงวันที่ 4 พ.ย. ระบุว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตเพราะโคโรนาไวรัสที่ก่อให้เกิดกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) แล้วทั้งสิ้น 64 ราย โดยเฉพาะภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ประเทศที่มีผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุดคือซาอุดีอาระเบียที่พบการติดเชื้อครั้งแรกเมื่อ ก.ย. 2555 มีคนตายแล้ว 53 ราย หลังจากกระทรวงสาธารณสุขรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกรายเมื่อวันอาทิตย์

ส่วนกรณีของโอมานถือเป็นผู้เสียชีวิตรายแรก ผู้ป่วยมีอายุ 68 ปีซึ่งกระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า เขามีอาการป่วยเรื้อรังทั้งจากเบาหวาน, ความดัน และหัวใจล้มเหลว แต่สาเหตุหลักที่คร่าชีวิตเขาคือปอดล้มเหลว

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของโอมานรายงานการติดเชื้อของผู้ป่วยชาวเมืองนัซวารายนี้ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม โดยเขาเป็นผู้ป่วยเมอร์สเพียงรายเดียวของประเทศ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทุกคนที่ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ป่วยแล้ว และไม่พบการติดเชื้อเพิ่ม

พวกผู้เชี่ยวชาญยังพยายามค้นคว้าหาที่มาของโรคเมอร์สนี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน เข้าใจกันว่าโคโรนาไวรัสเมอร์สนี้มีความร้ายแรงต่อชีวิตมากกว่าโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) แต่มีความสามารถในการแพร่เชื้อด้อยกว่าซาร์ส ที่ระบาดทั่วเอเชียเมื่อปี 2546 และทำให้มีผู้ติดเชื้อ 8,273 ราย ร้อยละ 9 ของทั้งหมดนี้เสียชีวิต

เมอร์สก่ออาการปอดติดเชื้อคล้ายกับซาร์ส ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไอและหายใจขัด แต่เมอร์สจะทำให้ไตล้มเหลวเร็วกว่า ทำให้อัตราการตายสูงกว่าจึงน่าวิตกกว่าซาร์ส เมื่อเดือนส.ค.นักวิจัยเคยระบุว่าต้นตอของไวรัสน่าจะมาจากอูฐ.

ที่มา: http://www.thaipost.net