ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มติชน - เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการยุบสภา รัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการซึ่งมีข้อกำหนดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่ชัดเจนว่าในส่วนของนโยบายหรือโครงการที่จะมีผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดใหม่เป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่จะดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ได้ชี้แจงข้าราชการ สธ.แล้วว่า ไม่ว่าในอนาคตจะมีรัฐบาลจากไหน เพื่อไม่ให้เสียเวลาควรดำเนินการต่อไปในส่วนของข้าราชการประจำตามสมควรที่ทำได้ เมื่อมีรัฐบาลใหม่จะได้นำนโยบายต่างๆ มาดำเนินการต่อได้ในทันที ไม่ต้องเสียเวลาเริ่มต้นใหม่ เพราะถ้ามีการทำงานเตรียมการในส่วนข้าราชการประจำที่สมควรก็จะสามารถซื้อเวลาได้ในอนาคต เป็นสิ่งที่ฝากข้าราชการประจำทุกท่าน ขอให้พิจารณาดูว่าในเรื่องไหนที่เห็นว่าดีให้ดำเนินการไปก่อน ในบทบาทหน้าที่ของข้าราชการประจำ ฝ่ายการเมืองที่จะเข้ามาในอนาคตถ้าเห็นตรงกันในเรื่องนโยบายก็จะเดินหน้าต่อไป

นพ.ประดิษฐกล่าวว่า ในส่วน สธ. อาทิ นโยบายการ บูรณาการกองทุนประกันสุขภาพ 3 กองทุน ทั้งหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการจะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่มาพิจารณา สำหรับการบรรจุบุคลากร สธ.เป็นข้าราชการที่ ครม.ได้มีการอนุมัติในหลักการจัดสรรตำแหน่ง 22,500 อัตราใน 3 ปี ระหว่างปี 2556-2558 เฉลี่ยปีละ 7,500 อัตรา ซึ่งปีงบประมาณ 2556 ได้มีการจัดสรรและดำเนินการบรรจุแล้ว ที่เหลืออีกประมาณ 15,000 อัตราจะต้องดำเนินการในปีงบประมาณ 2557-2558 นั้น ต้องสอบถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานกฤษฎีกาให้ชัดเจนว่าสามารถดำเนินการต่อได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ ครม.เคยอนุมัติกรอบอัตรากำลังไปแล้วแต่จะต้องนำเข้า ครม.เพื่อทราบผลการดำเนินการเป็นรายปีอีกครั้ง ทั้งนี้ ฝ่ายข้าราชการประจำจะต้องดำเนินการส่งเรื่องไปให้ทั้ง 2 หน่วยงานดังกล่าวตีความ

"การบรรจุบุคลากร สธ.เป็นข้าราชการจะไม่สามารถเดินหน้าได้จนกว่าจะมีการปรึกษากับ กกต.และกฤษฎีกา ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นมติ ครม.เก่าก็สามารถเดินหน้าได้ แต่หากเห็นว่าไม่สามารถดำเนินการได้ก็ต้องรอรัฐบาลใหม่ต่อไป ส่วนเรื่องค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายให้กับแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์สังกัด สธ.ที่เป็นการเสนอให้มีการปรับปรุงประกาศฉบับที่ 8, 9 ทั้งส่วนที่เป็นข้อเสนอของชมรมแพทย์ชนบท และกลุ่มสหวิชาชีพอื่นๆ ควรเป็นนโยบายของรัฐบาลใหม่จะสมควรกว่า เพราะเป็นผลผูกพันทางงบประมาณที่ชัดเจน" นพ.ประดิษฐกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน  วันที่ 13 ธ.ค. 56