ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยโรคในช่องปากมีปัจจัยเสี่ยงร่วมกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เร่งควบคุมป้องกันโดยจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพในช่องปากในกลุ่มผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เดินหน้าปรับคู่มือพัฒนาระบบบริการและระบบสนับสนุนอย่างเหมาะสม

วันนี้ (16 กรกฎาคม 2557) ทันตแพทย์สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การจัดบริการส่งเสริม ป้องกันโรคในช่องปากในกลุ่มผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” ณ โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ กรุงเทพมหานคร ว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นปัญหาที่สหประชาชาติให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากพบอัตราการเสียชีวิตในประชากรโลกสูงถึงร้อยละ 60 ในขณะเดียวกันความชุกของโรคในช่องปากก็เป็นปัญหาสำคัญ และเป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังด้วย ซึ่งปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การบริโภคอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม มากเกินไป นอกจากนี้การติดเชื้อในช่องปากจะนำไปสู่การติดเชื้อที่อวัยวะสำคัญของร่างกายทั้งทางตรงและทางอ้อม และสามารถนำไปสู่การตายด้วยปอดอักเสบจากการสำลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ

ทันตแพทย์สุธา กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัยดำเนินงานลดปัจจัยเสี่ยงของปัญหาสุขภาพช่องปากกับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยกำหนดให้มีการตรวจสุขภาพช่องปากในผู้ผู้ป่วยกลุ่มโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ตามยุทธศาสตร์ สุขภาพดี วิถีไทย ภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในช่องปากและการป้องกันปัจจัยเสี่ยงร่วม ด้วยมาตรการ 3อ. 2ส. 1ฟ. โดย 3 อ. คือ ออกกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการทำอารมณ์ให้แจ่มใส 2ส. คือ การไม่ดื่มสุราและไม่สูบบุหรี่ และ 1ฟ. คือ ตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละครั้ง ร่วมกับการดูแลอนามัยช่องปากอย่างเหมาะสมด้วยสูตร 2 : 2 : 2 ได้แก่ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง นานครั้งละ 2 นาที และงดรับประทานอาหารหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง

"ทั้งนี้ ในส่วนของการดูแลฟัน กรมอนามัยได้แต่งตั้งคณะทำงานพัฒนารูปแบบการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพช่องปากในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่สอดคล้องกับผลการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพฟันของตนเองได้ โดยใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์แปรงฟันเป็นประจำอย่างถูกวิธี พบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละครั้งเพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน ดื่มนมจืด รับประทานผักผลไม้ และหลีกเลี่ยงขนมหวานและน้ำอัดลม” ทันตแพทย์สุธากล่าว

รองอธิบดีกรมอนามัยกล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การจัดบริการส่งเสริม ป้องกันโรคในช่องปากในกลุ่มผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากพื้นที่ที่สนใจ จำนวน 45 จังหวัด อาทิ ลำปาง อุบลราชธานี สิงห์บุรี นครศรีธรรมราช ซึ่งผลจากการประชุม คาดว่าจะมีการจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคในช่องปาก และลดการสูญเสียฟันในหน่วยบริการระดับต่างๆ อย่างเชื่อมโยงในพื้นที่ต่อไป