ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หมอวัลลภ ประชุมคกก.พัฒนานโยบายและบริหารสป.สธ.นัดแรก ชี้เขตสุขภาพสธ.เดินถูกทางแล้ว มีการเชื่อมโยงกับสำนักงานเขตของสปสช.อย่างใกล้ชิด ผลสำเร็จเขตสุขภาพเห็นชัดเจน เตรียมขอเพิ่มเขตสุขภาพกทม. เป็น 13 เขต หลังปลัดสธ.หารือกับรองผู้ว่าฯกทม.แล้ว มติที่ประชุมเห็นชอบสธ.ตั้งสำนักงานเขตสุขภาพ 13 เขต และตั้งคกก.เขตสุขภาพตามนโยบายกระจายอำนาจของรัฐบาลและสธ. ดึงทุกภาคส่วนเข้าร่วม ทั้ง รัฐ เอกชน อปท. ประชาชน ให้ผู้ตรวจฯเป็นประธาน

นพ.วัลลภ ไทยเหนือ

30 ต.ค.57 นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ประธานคณะกรรมการพัฒนานโยบายและการบริหารของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ประชุมคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ ที่มีจำนวน 21 คน โดยมี นพ.สุจริต ศรีประพันธ์ เป็นประธานที่ปรึกษา ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการปฏิรูประบบสุขภาพ มุ่งเน้นพัฒนาใน 3 เรื่อง ได้แก่ ระบบบริการในรูปแบบเขตสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข การบริหารจัดการการเงินการคลังทั้ง 3 กองทุนสุขภาพให้เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ และการสร้างระบบธรรมาภิบาล โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง และขวัญกำลังใจบุคลากร ให้ทำงานอย่างมีความสุข     

นพ.วัลลภ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่ารูปแบบการบริหารจัดการระบบบริการในรูปแบบเขตสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมี 12 เขตในภูมิภาค และในเขตกทม.เป็นการปฏิรูปการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มผู้จัดบริการ กลุ่มผู้ซื้อบริการ และกลุ่มติดตามกำกับมาตรฐานบริการ ทำให้เกิดประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด มีสุขภาพดีขึ้น เกิดการทำงานเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดระหว่างเขตสุขภาพสธ.ในฐานะผู้จัดบริการ กับสำนักงานเขตของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) และกองทุนสุขภาพอื่นๆ ในฐานะผู้บริหารจัดการงบประมาณกองทุน ให้เป็นตามเจตนารมณ์กฎหมายของแต่ละกองทุน และที่ประชุมได้ขอให้เพิ่มการจัดบริการเขตสุขภาพในกทม. เนื่องจากในกทม.มีประชาชนหนาแน่น แต่เข้าถึงบริการได้น้อยกว่าคนต่างจังหวัด ทั้งนี้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสธ.ได้มีการหารือกับรองผู้ว่ากทม.ไว้แล้ว  

นพ.วัลลภ ชี้แจงว่า คณะกรรมการฯ รู้สึกประทับใจในความคืบหน้าของเขตสุขภาพที่ผ่านมา หลังจากที่ได้มีการจัดบริการร่วมและการบริหารจัดการทรัพยากรร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลทุกระดับภายในเขตสุขภาพ พบว่าส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลดีขึ้นในหลายโรค เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ ขณะนี้ทุกเขตมีโรงพยาบาลที่สามารถให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที ลดอัตราตายลงเหลือไม่ถึงร้อยละ 10 จากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 17 รวมทั้งได้รับยาละลายลิ่มเลือดและการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 40-50 เป็นร้อยละ 50-60 เป็นต้น มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลเล็ก-ใหญ่ในการดูแลผู้ป่วยร่วมกันภายในเขต จึงเห็นว่าสธ.เดินมาถูกทางแล้ว และจะเกิดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า จึงมั่นใจว่าสุขภาพไทยจะดีขึ้นไปกว่านี้ 

นพ.วัลลภ กล่าวสรุปว่า ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้กระทรวงสธ. ตั้งสำนักงานเขตสุขภาพประจำทั้ง 13 เขต เป็นหน่วยงานภายในไปก่อน เพื่อให้การดำเนินงานเขตสุขภาพเป็นไปอย่างคล่องตัว และให้มีการตั้งคณะกรรมการเขตสุขภาพให้ชัดเจน เพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสธ.ในการกระจายอำนาจการบริหารไปสู่พื้นที่ โดยคณะกรรมการควรมีผู้แทนจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในเขต มีผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เป็นประธาน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ และมีธรรมาภิบาล