ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 7 เร่งรัฐบาลขันน็อตหน่วยงาน ผสานกลไกแก้ปัญหาเด็ก เยาวชน และครอบครัวไทย หลังพบปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าทุกด้านและสถิติความรุนแรงในครอบครัวติดอันดับโลก เตรียมขอฉันทมติก่อนเสนอ ครม. เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปและวางยุทธศาสตร์ระดับชาติ

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2557 การประชุม สมัชชาสุขภาพแห่งชาติครังที่ 7 พ.ศ.2557 ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี มีการพิจารณาระเบียบวาระ "การพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อบูรณาการกลไกคุ้มครองเด็ก เยาวชน และครอบครัวจากปัจจัยเสี่ยง" โดยมีภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วม ทั้งจากภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ กว่า 200 คน

ดร.วณี  ปิ่นประทีป ประธานอนุกรรมการดำเนินการประชุม คณะที่ 2 กล่าวว่า สถานการณ์เด็ก เยาวชนไทย กำลังอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง เพราะต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายรูปแบบ ทั้งความรุนแรงในครอบครัว  ปัญหาเรื่องเพศ ยาเสพติด การเสพสื่อลามก ปัญหาเด็กติดเกม และค่านิยมในการบริโภคไม่เหมาะสม โดยปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ เกิดขึ้นทั้งในเขตเมืองและต่างจังหวัด ส่งผลให้ภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เห็นความสำคัญและร่วมกันพัฒนาระเบียบวาระ "การพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อบูรณาการกลไกคุ้มครองเด็ก เยาวชน และครอบครัวจากปัจจัยเสี่ยง" เข้าสู่การประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 พ.ศ.2557 ซึ่งเมื่อได้รับฉันทมติแล้ว จะมีการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่อไป

“ข้อเสนอของระเบียบวาระนี้จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ที่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อเครือข่ายสมัชชาสุขภาพแห่งชาติมีฉันทมติแล้ว ในการขับเคลื่อนจะมีการบูรณาการนโยบายที่สอดคล้องกัน กับแต่ละหน่วยงานเพื่อให้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆลดลงโดยเร็วที่สุด"

ในการพิจารณาระเบียบวาระ "การพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อบูรณาการกลไกคุ้มครองเด็ก เยาวชน และครอบครัวจากปัจจัยเสี่ยง" ได้มีภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพแห่งชาติในหลายจังหวัด ร่วมแสดงความคิดเห็น อาทิ จังหวัดพะเยา พัทลุง ยะลา อุบลราชธานี และกทม. รวมทั้ง มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการเห็นกลไกภาครัฐ ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาปัจจัยเสี่ยงของเด็กและเยาวชนไทยอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ที่ประชุมมีการนำเสนอข้อมูลจาก สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ในปี 2557 ที่ระบุว่า ประเทศไทยมีการทำร้ายกันของคู่สมรสอยู่อันดับที่ 30 ของโลก โดยผู้ชายทำร้ายผู้หญิงสูงอันดับ 7 ของโลก สาเหตุสำคัญในการทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว มาจากการหึงหวง/นอกใจ ยาเสพติด และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ห่างเหิน ผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่เป็นสตรี คิดเป็นร้อยละ 43 รองลงมาเป็นเด็กและเยาวชน คิดเป็นร้อยละ 33.5

นอกจากนั้น ยังพบว่ามีเด็กผู้หญิงและวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวนเกือบ 125,000 คน ให้กำเนิดบุตรก่อนวัยอันควร ปัจจัยที่ส่งผลต่อปัญหาเหล่านี้คือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสื่อทุกรูปแบบที่มีเนื้อหาผลิตซ้ำความรุนแรงทางเพศ  อีกทั้ง ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆในปัจจุบัน ได้แก่ สารเสพติด  การค้ามนุษย์  แรงงานเด็ก  เป็นต้น

เรื่องที่เกี่ยวข้อง