ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“หมอสุทัศน์” แจงจดหมายเปิดผนึกประชาคมสาธารณสุข ถึง “ปลัดพาณิชย์” เร่งสอบสวนให้ความเป็นธรรมปลัด สธ. หลังใช้เวลาดำเนินการนานกว่า 40 วัน เลยคำสั่งนายกฯ กำหนดเพียง 15 วัน ชี้หากไม่เร่งดำเนินการถือเป็นการละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ แต่หากกระบวนการติดขัดล่าช้าต้องแจงเหตุให้สังคมรับทราบ พร้อมหวั่นยื้อเวลารอ ปลัด สธ.เกษียณ กระทบขวัญกำลังใจ ขรก. และระบบราชการ พร้อมแสดงความเห็น งบรายหัวที่ได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเพิ่มอย่างไร หากดำเนินการไม่ดี งบก็อาจไม่ถึง รพ.ได้เหมือนเดิม

นพ.สุทัศน์ ศรีวิไล รักษาการประธานประชาคมสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีที่ประชาคมสาธารณสุขได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึงปลัดกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า สาเหตุที่ทางประชาคมต้องทำหนังสือเปิดผนึกครั้งนี้ เนื่องจากในการสั่งย้ายปลัด สธ.ของนายกรัฐมนตรีก็เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงและได้ตั้ง น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานสอบสวน พร้อมกับระบุว่าต้องแล้วเสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้เป็นเวลากว่า 40 วันมาแล้วก็ยังไม่มีผลสอบใดๆ ออกมา ชาวประชาคมสาธารณสุขจึงต้องทวงถาม เพราะในกระบวนการยุติธรรม หากมีการดำเนินการที่ล่าช้านั่นก็คือการไม่มีความยุติธรรม ขณะเดียวกันพวกเราเองก็รู้สึกเห็นใจท่านนายกรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมาท่านได้พยายามสร้างหลักธรรมาภิบาลในระบบ โดยเฉพาะในเรื่องความเป็นธรรมแต่คนรอบข้างกลับดำเนินการสอบสวนล่าช้า ทั้งที่ต้องรีบเคลียร์ให้เร็ว

“กระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือการไม่มีความยุติธรรมในกระบวนการ เหมือนจับคนแล้วกลับมีการยื้อเวลาสอบสวนออกไป ทั้งที่คนที่ถูกจับต่างต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง ดังนั้นทำไมคณะกรรมการชุดนี้จึงไม่รีบสอบ และแบบนี้ถือเป็นการละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่” รักษาการประชาคมสาธารณสุข กล่าว

ต่อข้อซักถามว่า แสดงว่าประชาคมสาธารณสุขมองว่ามีการเตะถ่วงการสอบสวนครั้งนี้ นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า คิดว่าการย้ายคนไปสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อย้ายแล้วก็ต้องรีบสอบ ส่วนจะเตะถ่วงหรือไม่นั้นทุกคนคงคิดกันเองได้ แต่ประชาคมสาธารณสุขเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ถูกหลักธรรมาภิบาลจึงควรต้องส่งเสียงในฐานะพลเมืองดีคนหนึ่งของประเทศ ซึ่งประชาคมสาธารณสุขเห็นด้วยกับท่านนายกรัฐมนตรีว่า ประเทศนี้ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และเรื่องนี้เป็นความยุติธรรมที่ต้องให้กับข้าราชการคนหนึ่ง ซึ่งในฐานะที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นถึงข้าราชการระดับปลัดกระทรวง ก็ควรก็ให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการที่ถูกกล่าวหาโดยเร็ว

นพ.สุทัศน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หากการดำเนินการสอบสวนเมื่อล่าช้าและไม่แล้วเสร็จตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ผู้ที่ดำเนินการสอบสวนก็ควรที่ออกมาชี้แจงให้กับสาธารณะรับทราบว่าติดขัดอะไร การสอบสวนไปถึงไหน หรือแม้แต่หากผลออกมาจะเป็นอย่างไรก็ต้องชี้แจงให้สังคมรับทราบเช่นกันในฐานะที่เป็นคณะกรรมการสอบสวนซึ่งได้รับมอบงานให้ดำเนินการ และมองว่าเป็นเรื่องธรรมาภิบาลที่ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้เช่นกัน

ส่วนการทำหนังสือเปิดผนึกแสดงว่าประชาคมสาธารณสุขเคลือบแคลงกับการสอบสวนครั้งนี้ นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า เราเคลือบแคลงใจตั้งแต่มีคำสั่งย้ายท่านปลัด สธ.แล้ว เพราะมองว่าท่านไม่ได้มีความผิดอะไร ที่บอกไม่ตอบสนองนโยบาย แต่จะเห็นได้ว่าเรื่องที่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขนำมาเป็นนโยบาย ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ท่านปลัด สธ.ทำไว้ เราจึงงงว่าแบบนี้ท่านปลัด สธ.ไม่สนองนโยบายอย่างไร ทั้งนี้ท่านปลัด สธ.มีความสามารถมาก แทนจะใช้งานท่านเพื่อทำให้เกิดผลงานในระบบสาธารณสุข ผลงานกับรัฐบาล และผลงานกับประชาชน แต่กลับนำท่านไปเก็บไว้ ถือเป็นความเสียหายและไม่ถูกต้อง เพราะโดยหลักการคือเราต้องนำคนที่มีศักยภาพมาทำงานให้ได้มากที่สุด  

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ที่การสอบสวนอาจไม่แล้วเสร็จก่อนที่ปลัด สธ.จะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้  นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า อาจมีความพยายามเพื่อดึงเวลาและเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งหากมีการทำเช่นนี้จริง เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบโดยรวม เพราะจะไม่มีข้าราชการคนไหนที่อยากทำงาน เพราะเมื่อมีปัญหาขัดแย้งในระบบ ก็จะถูกนำไปเก็บไว้หมด ดังนั้นไม่ว่าปลัด สธ.จะเกษียณอายุราชการก่อนหรือไม่ หากระบบยังคงเป็นแบบนี้ คงไม่มีใครกล้าแสดงออกในการทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไปในอนาคต

ต่อข้อซักถามว่า หลังจากนี้ประชาคมสาธารณสุขจะเคลื่อนไหวอย่างไร หากการสอบสวนยังไม่คืบหน้า นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า เราได้ทำหนังสือเปิดผนึกเพื่อทวงถามไปแล้ว และต้องคงต้องให้เวลาท่านประธานคณะกรรมการสอบสวนฯ ชี้แจงก่อน ซึ่งหากยังไม่มีการชี้แจงประชาคมสาธารณสุขอาจมีการดำเนินการต่อเนื่อง

นอกจากนี้ นพ.สุทัศน์ ยังได้แสดงความเห็นกรณีที่ ครม.ได้อนุมัติเพิ่มงบเหมาจ่ายรายหัวในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2559 ว่า งบประมาณในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเพิ่มอย่างไร หากไม่มีการดำเนินการที่ดี งบที่ได้รับเพิ่มเติมก็อาจไม่ถึงหน่วยบริการเท่าที่ ครม.อนุมัติ ซึ่งเรื่องนี้ต้องเรียนว่า ไม่ว่างบประมาณเหมาจ่ายรายหัวจะมีการบริหารอย่างไร ผลกระทบจะไม่เกิดกับประชาชน แต่จะเกิดกับหน่วยบริการเพราะไม่ว่าอย่างไรหน่วยบริการก็ต้องหางบประมาณส่วนต่างๆ มาโปะ เพื่อให้บริการที่ไม่กระทบต่อผู้ป่วย และเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่ปลัด สธ.ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับหน่วยบริการ