ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข แนะให้กินขนมไหว้พระจันทร์ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดี  เหตุอุดมด้วยแป้งและน้ำตาลหวั่นกินมาก ขาดการออกกำลังกาย เสี่ยงอ้วน      

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เทศกาลไหว้พระจันทร์ เป็นประเพณีที่ชาวจีนถือปฏิบัติสืบต่อกันมานับพันปี ในช่วงเวลานี้มักมีการจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์เป็นจำนวนมาก โดยขนมส่วนใหญ่จะทำเป็นรูปกลม โดยภายในจะมีไส้หวานหรือสอดไส้ด้วยธัญพืชที่มีรสหวาน แต่ปัจจุบันขนมไหว้พระจันทร์ มีทั้งไส้หมูแฮม ไส้หมูแดง ไส้หมูหยอง และไส้ต่างๆที่มีรสเค็มรสเปรี้ยว ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก และยังมีน้ำมัน น้ำเชื่อม เมื่อมาผสมกับไส้ต่างที่มีรสชาติหวานๆ เป็นขนมที่ให้พลังงานสูงมาก

“ขนมไหว้พระจันทร์ ขนาดปกติ 1 ชิ้น น้ำหนัก 166 กรัม จะให้พลังงานถึง 614-772กิโลแคลอรี ให้พลังงาน  สูงกว่าข้าวผัดหมู ผัดไทยกุ้งสด ข้าวผัดกะเพราไก่ ไข่ดาว หรือเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว 1 จาน แม้จะตัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ ได้ 6 ชิ้นเล็กๆ ก็ยังให้พลังงานถึง 96-120 กิโลแคลอรี เทียบดูแล้วไม่ต่างจากการกินไก่ทอด 1 ชิ้น ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์แต่ละชิ้นเล็กให้พลังงานแตกต่างกัน หากเป็นไส้โหงวยิ้งให้พลังงาน 120.3 กิโลแคลอรี ไส้เมล็ดบัวและไข่ให้พลังงาน 112.8 กิโลแคลอรี ไส้เมล็ดบัว 107.6 กิโลแคลอรี ไส้หมอนทอง ให้พลังงาน106.7 กิโลแคลอรี  ไส้ทุเรียนให้พลังงาน 102.3  กิโลแคลอรี ไส้พุทราให้พลังงาน 96.2 กิโลแคลอรี การเลือกกินจึงต้องคำนึงถึงพลังงานที่จะได้รับด้วย เพราะเมื่อกินมาก ๆ ด้วยความเพลิดเพลิน ก็จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไป แป้งและน้ำตาลจากขนมจะเปลี่ยนไปเป็นไขมันส่วนเกินสะสมตามร่างกาย หากขาดการออกกำลังกาย มีผลทำให้น้ำหนักเพิ่ม อ้วนลงพุง และทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา” รมว.สธ.กล่าว

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การกินขนมไหว้พระจันทร์ที่เหมาะสม ควรกินเป็นชิ้นเล็กๆ เพราะเพียงแค่ชิ้นเล็กก็จะให้พลังงานถึง 100กิโลแคลอรี หากกินหมดทั้งชิ้น จะได้รับพลังงานจะสูงมาก ถึง 614-772 กิโลแคลอรี ดังนั้น ใน 1 วัน เมื่อกินขนมไหว้พระจันทร์ไปแล้วก็ควรเลี่ยงที่จะกินขนมหวานประเภทอื่นๆ เน้นกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และหลากหลาย ลดอาหารหวานมันเค็มและกินผักผลไม้เพิ่มขึ้น ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดี