ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นสพ.มติชน : “ทพ.กฤษดา” แถลงด่วน ลาออกจากผู้จัดการ สสส. เปิดทางให้ตรวจสอบการใช้งบเต็มที่ มั่นใจถูกต้อง-ไม่มีทุจริต ยันไม่มีใครกดดันให้ไขก๊อก 'หมอปิยะสกล' ชี้โชว์สปิริต ด้านบอร์ด สสส.ตั้ง “ทพ.สุปรีดา” รอง ผจก.รักษาการแทน ‘บิ๊กต๊อก’ถกทีมสอบ 19 ต.ค.

'กฤษดา' ทิ้งเก้าอี้ ผจก.สสส.

ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงลาออกจากตำแหน่ง หลังคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจสอบการใช้งบประมาณของ สสส. โดยตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช้งบประมาณผิดวัตถุประสงค์หลายโครงการ และ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาทบทวนการบริหารจัดการกองทุน สสส. พร้อมกำหนดแนวทางแก้ไขให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 ขณะเดียวกันศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ได้ตั้งเรื่องตรวจสอบด้วย

ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม ทพ.กฤษดาเปิดแถลงข่าวด่วนที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า หลังจาก สสส.ถูกสังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสต่างๆ นานา ทำให้ต้องมาพิจารณาว่าจะลาออกจากการเป็นผู้จัดการ สสส. โดยจะยื่นหนังสือให้แก่คณะกรรมการ (บอร์ด) กองทุน สสส. ที่จะมีการประชุมในเวลา 14.00 น. วันเดียวกันนี้ (16 ตุลาคม) เพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบอย่างเต็มที่ รวมทั้งเพื่อแสดงออกถึงความโปร่งใส และแม้จะไม่ได้เป็นผู้จัดการ สสส.ก็จะมุ่งมั่นทำงานเพื่อสังคมต่อไป

ปัดถูกกดดันให้ลาออก

"ผมเชื่อมั่นในความเที่ยงตรงของ พล.อ. ไพบูลย์ ที่ท่านระบุว่าจะเชิญหน่วยงานต่างๆ มาให้ข้อมูล นอกจากนี้ผมก็เชื่อมั่น นพ.ปิยะสกล ซึ่งเป็นนายแพทย์และมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของสุขภาพ จะขับเคลื่อนงานด้านสร้างเสริมสุขภาพไปได้ตามเป้าหมายและตามหลักสากล รวมทั้งเชื่อมั่นนายกรัฐมนตรี สุดท้ายผมเชื่อมั่นในความถูกต้อง ความดี และสื่อมวลชนทุกท่านที่จะช่วยดู สสส.ให้คงอยู่ตลอดไป" ทพ.กฤษดากล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ลาออกเพราะ คตร.ตรวจสอบพบว่า สสส.ใช้งบประมาณไม่ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ทพ.กฤษดากล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เมื่อถามอีกว่าเกิดแรงกดดันหรือปรึกษาใครก่อนตัดสินใจลาออกหรือไม่ ทพ.กฤษดากล่าวว่า ตัดสินใจลาออกด้วยตัวเอง ไม่ได้ปรึกษาใคร เพราะ สสส.เป็นต้นแบบของความโปร่งใส ในเมื่อมีคำถามในสังคม เพื่อความสบายใจและเป็นมาตรฐานของสังคมก็ควรจะลาออก ไม่เกี่ยวกับการที่ คตร.ตรวจสอบ เพราะในรายงาน คตร.ไม่มีเรื่องทุจริต

ยันทำถูกต้อง-ไม่มีทุจริต

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการใช้งบประมาณหลายโครงการไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของคำว่าสุขภาพนั้น ทพ.กฤษดากล่าวว่า คงไม่ตอบตรงนี้ แต่มีเอกสารชัดเจน โดยมีเอกสารรายงานการประชุมระดับโลกเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ และยังมีเรื่อง พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพฯ โดยตามมาตรา 3 และมาตรา 5 ระบุชัดเจน ให้ลองไปพิจารณากันดู

"ผมขอยืนยันว่าเราทำถูกต้อง ไม่มีทุจริต เพราะ คตร.ไม่ได้รายงานว่า สสส.ทุจริตเลย ผมคิดว่าแต่ละคนต้องตัดสินใจตามสิทธิของตัวเอง สสส.ให้ความสำคัญต่อมาตรฐานความโปร่งใสมาก ส่วนโครงการต่างๆ ผมชี้แจงไปเยอะแล้ว ขอไม่พูดอีกต่อไป" ทพ.กฤษดากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรา 3 พ.ร.บ.กองทุนสร้างเสริมสุขภาพฯ ระบุความหมายของคำจำกัดความต่างๆ ทั้งสุรา ยาสูบ ภาษี สร้างเสริมสุขภาพ เป็นต้น ขณะที่มาตรา 5 เป็นเรื่องวัตถุประสงค์ อาทิ การส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพในประชากรทุกกลุ่มวัยตามนโยบายสุขภาพแห่งชาติ สร้างความตระหนักในเรื่องพฤติกรรมการเสี่ยงจากการบริโภคสุรา ยาสูบ เป็นต้น

เบื้องหลัง คตร.สอบใช้งบ

ทั้งนี้ การตรวจสอบ สสส.เริ่มจากกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญให้มีการปรับปรุงแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับการคลังและงบประมาณในมาตรา 204 วรรคสอง ว่าด้วยการใช้เงินของกองทุน สสส. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่แบ่งรายได้จากภาษีสุราและยาสูบจากที่ใช้โดยตรง เปลี่ยนเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ทำให้เกิดแรงคัดค้านจำนวนมากจากทั้งองค์กรภาคเอกชน นักวิชาการ ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้องว่ากองทุนดังกล่าวมีการให้งบประมาณที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และอาจเกิดความไม่โปร่งใส รวมทั้งเรียกร้องให้ยุบกองทุน สสส.

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงสั่งการให้ คตร.เข้าตรวจสอบ สสส.เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และได้สรุปผลการตรวจสอบการใช้จ่ายงบของ สสส.ในโครงการต่างๆ ให้กับนายกฯไปเรียบร้อยแล้ว โดยกว่า 1,000 โครงการ มีนับร้อยโครงการที่ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุน สสส.

รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ ทพ.กฤษดาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการ สสส. น่าจะมาจากกรณีที่นายกฯให้สัมภาษณ์ว่า การที่ให้ คตร.ไปหาข้อเท็จจริง ถ้ามีความผิดจะส่งศาลและกระบวนการยุติธรรม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และในทางการบริหาร ถ้าทำงานไม่ได้ผลก็ต้องปรับย้าย ปรับออก

‘หมอเสรี’ สรุปสอบใน 3 เดือน

ด้าน นพ.เสรี ตู้จินดา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ สธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาทบทวนการบริหารจัดการกองทุน สสส. และกำหนดแนวทางแก้ไขให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 กล่าวถึงกรณีที่ ทพ.กฤษดาลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการ สสส.ว่า การลาออกของผู้จัดการ สสส.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาของคณะกรรมการ เพราะคณะกรรมการชุดนี้ไม่ได้ไปตัดสินใจ มีหน้าที่แค่นำเอาข้อมูลผลการสอบสวนของ คตร.ที่มีจำนวนมากมาพิจารณาว่าการใช้เงินในโครงการต่างๆ ที่ผ่านมานั้นเป็นไปตามระเบียบ เป็นไปตาม พ.ร.บ.สสส.หรือไม่ แล้วทำหน้าที่ในการชี้แนะการดำเนินการที่ถูกต้องในการใช้งบประมาณปี 2559 ให้ตรงตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าเสร็จตามกรอบระยะเวลา 3 เดือนแน่นอน

'ปิยะสกล' เชื่อแสดงสปิริต

ขณะที่ นพ.ปิยะสกลกล่าวถึงการลาออกของ ทพ.กฤษดาว่า เชื่อว่า ทพ.กฤษดาได้มีการพิจารณาเรื่องนี้มาอย่างดีและรอบคอบ มองว่าเป็นการแสดงสปิริต และเชื่อว่าการลาออกจะไม่กระทบต่อการทำหน้าที่การทำงานของคณะกรรมการที่จะมาตรวจสอบ สสส. ส่วนที่มีข้อกังวลว่าจะไม่สนับสนุนงบประมาณแก่โครงการต่างๆ ของ สสส.อีก และจะกระทบไปหมดนั้น มองว่าเรื่องนี้อยู่ที่การตรวจสอบ หากโครงการไหนมีปัญหาก็ต้องหยุดไปก่อน ส่วนจะเป็นโครงการอะไรก็ต้องอยู่ที่ฝ่ายตรวจสอบ ไม่ใช่หน้าที่ของ สธ.

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางกลุ่มมองว่าการลาออกของ ทพ.กฤษดา เพราะถูกแรงกดดัน นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครมอง ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ที่แน่ๆ รัฐบาลหรือฝ่ายตรวจสอบทำตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้ไปกดดัน ทพ.กฤษดา และเห็นข่าวว่าตัดสินใจลาออกเอง

'บิ๊กเข้' ยกย่องที่รับผิดชอบ

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมบอร์ด สสส. ที่ศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มี นพ.ปิยะสกล ทพ.กฤษดา และคณะกรรมการร่วมประชุม ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ทั้งนี้ เมื่อเลิกประชุม พล.ร.อ.ณรงค์ได้เข้าไปจับมือ ทพ.กฤษดา และมีคณะกรรมการคนอื่นๆ ได้เข้ามาพูดคุยกับ ทพ.กฤษดา

ทั้งนี้ พล.ร.อ.ณรงค์ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า ทราบเรื่องที่ ทพ.กฤษดาขอลาออกแล้ว และจากที่ได้สัมผัสกับ ทพ.กฤษดาในเวลาเพียงเล็กน้อย รู้สึกยกย่องที่มีความรับผิดชอบ และแสดงความบริสุทธิ์ใจในฐานะผู้นำองค์กร เมื่อมีข่าวที่ไม่ดีเกิดขึ้นในสายตาสังคมก็ได้แสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่า ทพ.กฤษดาหรือ สสส.ทำอะไรผิด เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ

ทพ.สุปรีดา อดุลยานนท์

ตั้ง 'ทพ.สุปรีดา' รักษาการแทน

พล.ร.อ.ณรงค์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาหนังสือลาออกของ ทพ.กฤษดา และมีมติเห็นชอบ โดยจะมีผลทันที และมีมติแต่งตั้งให้ ทพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส. รักษาการผู้จัดการ สสส. พร้อมทำหน้าที่แทน ทพ.กฤษดา ในการดำเนินงานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ พร้อมดำเนินการคัดสรรผู้จัดการคนใหม่ โดยจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสรรหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการตรวจสอบของ คตร.ที่ตั้งข้อสังเกตว่า สสส.ใช้จ่ายงบประมาณส่วนหนึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็น ผู้สอบสวนผลการพิจารณาของ คตร. ซึ่ง สสส.ต้องไปให้ข้อมูล

ชี้ 'สุขภาพ' ความหมายกว้าง

"คำว่าสุขภาพค่อนข้างกว้าง ใน พ.ร.บ.กองทุนฯได้ระบุว่าเกี่ยวกับร่างกาย จิตใจ สภาพแวดล้อม สังคม ซึ่งการตีความของแต่ละฝ่ายอาจจะแตกต่างกัน บางคนอาจจะมองแค่เรื่องเหล้าและบุหรี่ หากพบว่าโครงการใดที่ไม่ตรงวัตถุประสงค์จะยุติการสนับสนุนโครงการทั้งหมด" พล.ร.อ.ณรงค์กล่าว

เมื่อถามว่า จะเรียกเงินคืนจากโครงการที่ไม่ตรงวัตถุประสงค์หรือไม่ พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องรอการพิจารณาของ คตร.อีกครั้ง เมื่อถามว่า ในกระบวนการชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ทพ.กฤษดาต้องมาชี้แจงหรือไม่ พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า ตามหน้าที่แล้ว นพ.สุปรีดา ในตำแหน่งรักษาการผู้จัดการจะเป็นผู้ชี้แจงแทน สสส. แต่ ทพ.กฤษดาระบุว่ามีความยินดีพร้อมให้ข้อมูล

แนะคนใหม่ต้องมีความรู้

ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า การแถลงข่าวลาออกของผู้จัดการ สสส.แสดงถึงความรับผิดชอบของผู้นำสูงสุดขององค์กรแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวการตรวจสอบ เพียงแต่การตรวจสอบที่ระบุว่าใช้งบประมาณไม่ตรงวัตถุประสงค์นั้น ต้องทำให้ชัดเจนด้วย ที่กังวลคือผู้ที่จะเข้ามากำหนดการทำงานของ สสส.นั้นต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งมิติของสุขภาพนั้นไปไกลกว่าแค่การรักษาโรค อย่างโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมนั้น ต้องลงไปแก้ไปปรับ รวมถึงสิ่งแวดล้อมด้วย หรืออย่างเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะไปบอกให้คนเลิกอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องทำเรื่องของสื่อ เรื่องของชุมชนด้วย เป็นต้น

นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าวว่า คนที่จะมาเป็นผู้จัดการ สสส.คนใหม่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจดีในเรื่องของการส่งเสริมสุขภาพแนวใหม่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นอกเหนือจากคุณสมบัติทั่วไป ทั้งนี้ การส่งเสริมสุขภาพแนวใหม่ไม่ใช่แค่เรื่องการรักษา แต่ต้องทำทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การทำงานต้องกว้าง และการทำงานของ สสส.ก็เป็นไปตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก

'บิ๊กต๊อก' นัด 4 หน่วยตรวจใช้งบ

รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 19 ตุลาคมนี้ พล.อ.ไพบูลย์ ในฐานะประธาน ศอตช. ได้นัดประชุม คตร. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กรณีการตรวจสอบการใช้งบประมาณของ สสส. มาตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงตามที่ คตร.ได้มีการตรวจสอบการใช้งบประมาณของ สสส. โดยจะดูรายละเอียดของโครงการต่างๆ ที่ คตร.เข้าไปตรวจว่ามีกี่โครงการ การอนุมัติงบประมาณของ สสส.พิจารณาจากหลักเกณฑ์ใด เหมาะสมตรงตามเจตนารมณ์ของกองทุน สสส.หรือไม่ เช่น บางโครงการเป็นลักษณะกิจกรรมการนั่งสมาธิเพื่อสุขภาพ ดังนั้นต้องดูว่าใช่วัตถุประสงค์ของกองทุนหรือไม่ วงเงินสมเหตุสมผลหรือไม่

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 17 ตุลาคม 2558