ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เว็บไซต์สยามรัฐ : "ไพบูลย์" รื้อใหญ่ระเบียบใช้งบประมาณ สสส.สั่งแก้ 3 มาตรา จำกัดนิยาม "สุขภาพ" ป้องกันการอ้างของบ ย้ำต้องไม่เอื้อประโยชน์คนบางกลุ่ม

เว็บไซต์สยามรัฐ : เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ตึกสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) มีตัวแทนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณากรณีการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมี นพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส. เข้าชี้แจง โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

ต่อมา พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ไม่ได้เข้าไปดูในประเด็นทุจริต แต่เป็นเรื่องการบริหารจัดการของ สสส. โดยเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายคือ สตง. คตร. กับตัวแทนของ สสส. เข้าชี้แจง ซึ่งทั้งคู่เห็นตรงกันว่า การบริหารงานของ สสส.ทำให้คนมองเหมือนมีปัญหา เพราะพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 กว้างมาก จึงจะต้องไปคุยกัน โดยหลักๆ จะมีประมาณ 3 มาตรา คือ มาตรา 3 เกี่ยวกับคำนิยามของการเสริมสร้างสุขภาวะที่กว้างมาก ทำให้เข้าใจว่า สสส.จะทำอะไรก็ได้เพื่อสุขภาพ ทำให้เกิดความกังขา จึงต้องมีการปรับปรุงคำนิยามในส่วนนี้ โดยมาตรา 10 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้งบประมาณ ทั้งสองฝ่ายยอมรับว่า นี่คือเงินแผ่นดินที่จะต้องดูแลและใช้ประโยชน์ให้เต็มที่

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องคณะกรรมการ (บอร์ด) สสส.ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะบางคนเป็นกรรมการและมีมูลนิธิของตัวเองด้วย แล้วก็ของบเข้าไป จนทำให้เกิดปัญหา ดังนั้น หลังจากนี้ตนจะรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทราบ อีกทั้งจะส่งเรื่องให้กับ รมว.สาธารณสุข ให้ไปดูในรายละเอียดของทั้ง 3 มาตรา เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินไม่เป็นที่เคลือบแคลงอีกต่อไป และไปปรับปรุงนิยาม ปรับปรุงการใช้เงิน ที่มาที่มาไปของคณะกรรมการ ทั้งนี้ทราบข่าวมาว่า รมว.สาธารณสุขจะมีการเรียกประชุมในวันที่ 27 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ตนบอกที่ประชุมว่า ในเมื่อต้องการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนแปลงของแง่กฎหมาย ต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อให้ สสส.เป็นหน่วยงานที่ดี

“หน้าที่ของ ศอตช.ในส่วนนี้ถือว่าได้ข้อยุติแล้ว คือ การให้แก้ไข 3 มาตราข้างต้นที่สังคมมองว่าอาจไม่โปร่งใส ซึ่งทั้ง 3 มาตราต้องนำไปสู่การแก้ไข ส่วนเรื่องการตรวจสอบงบประมาณของ สสส. ศอตช.ก็ยังตรวจสอบ เพราะต้องตรวจสอบทุกองค์กร ไม่ใช่แค่ สสส.เท่านั้น ซึ่ง ศอตช. ก็ทำมาโดยตลอด หากพบว่ามีการใช้งบประมาณโดยทุจริตก็ว่ากันตามกฎหมาย” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบที่ผ่านมาของ สตง. ที่พบว่ามีบางหน่วยงานใช้งบประมาณ สสส. ผิดวัตถุประสงค์ จะยังตรวจสอบอยู่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ในส่วนที่ผ่านมาก็ยังตรวจสอบอยู่ อย่างไรก็ดี จะไม่ใช่ตรวจสอบแค่ สสส. จะต้องตรวจสอบทุกองค์กรเช่นกัน

ด้าน พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธาน คตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าได้ข้อยุติแล้ว คตร.จะไม่เข้าไปตรวจสอบเรื่องงบประมาณของ สสส. อีก แต่เป็นหน้าที่ของ สตง. ตามปกติที่ต้องเข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของทุกหน่วยงาน

นพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส. กล่าวภายหลังการประชุมระหว่าง ศอตช. สสส ว่า ขอบคุณ พล.อ.ไพบูลย์ ที่ให้โอกาสในการชี้แจงข้อกล่าวหา จากการตรวจสอบที่มีการเผยแพร่ทางสื่อในช่วงที่ผ่านมา ตนได้ชี้แจงทุกประเด็นที่เป็นปัญหาและได้แสดงหลักฐานว่าข้อตรวจสอบที่อาจมีการไม่เข้าใจกันในหลายประเด็นนั้นไม่ได้มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ตนได้อธิบายประเด็นปัญหาเหล่านั้นอย่างครบถ้วน

“พล.อ.ไพบูลย์ได้สอบถามเพื่อความชัดเจนว่าไม่ได้มีข้อทุจริต แต่เป็นเพราะความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบ ซึ่งต้องมีการเปิดพื้นที่ในการพูดคุยกันใน 3 กรอบที่ พล.อ.ไพบูลย์ระบุไว้ และ สสส.เองต้องเข้าไปชี้แจงกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพยายามอธิบายและหาจุดที่เหมาะสมตามความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ต่อไป” นพ.สุปรีดากล่าว

เมื่อถามว่า กรณีผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการ สสส. ที่ไปตามมูลนิธิต่างๆ ได้มีการอธิบายในที่ประชุมอย่างไร นพ.สุปรีดา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตนได้อธิบายในที่ประชุมอย่างกระจ่างด้วยข้อมูลจริงที่เป็นเอกสารจำนวนมาก และได้อธิบายเป็นรายองค์กร เนื่องจาก สสส.เคร่งครัดกับสิ่งที่เรียกว่าผลประโยชน์ทับซ้อน จึงมีการออกกฎระเบียบต่างๆ ตลอดมา อย่างไรก็ตาม คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการที่ รมว.ยุติธรรมกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จ นพ.สุปรีดาปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถามอื่นๆและรีบเดินไปขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว

ที่มา: http://www.siamrath.co.th