ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข เร่งพัฒนา รพ.ขนาดใหญ่ในภูมิภาคให้มีศักยภาพทัดเทียมส่วนกลาง เช่น รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ที่มีศูนย์เชี่ยวชาญระดับสูง 4 ศูนย์คือโรคหัวใจ โรคมะเร็ง อุบัติเหตุ และทารกแรกเกิด รวมทั้งเป็นศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะสำเร็จแห่งแรกของกระทรวงสาธารณสุข เช่น การปลูกถ่ายไขกระดูกในผู้ป่วยมะเร็งเด็ก การผ่าตัดเปลี่ยนไต เตรียมพัฒนาให้สามารถเปลี่ยนหัวใจและตับในอนาคตอันใกล้

วันนี้ (7 มกราคม 2559) ที่ จ.อุบลราชธานี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ติดตามการพัฒนางานสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 10 และเปิดการประชุมวิชาการ “80 ปี โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จากรากแก้วที่มั่นคง สู่ผลผลิตความเป็นเลิศ”และให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายที่มุ่งเน้นการป้องกันโรคให้ประชาชนสุขภาพดีในระดับครอบครัว ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลไว้รองรับเมื่อป่วย โดยเฉพาะโรงพยาบาลในส่วนภูมิภาค ให้มีศักยภาพในการรักษา ทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เครื่องมือที่ใช้ในการวินิจฉัยรักษา ทัดเทียมกับส่วนกลาง ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางเข้ามารักษาในโรงเรียนแพทย์ หรือโรงพยาบาลใหญ่ที่อยู่ในส่วนกลาง

สำหรับเขตสุขภาพที่ 10 ประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีโรงพยาบาลชุมชน 63 แห่ง โรงพยาบาลทั่วไป 7แห่งและโรงพยาบาลศูนย์ 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์เป็นโรงพยาบาลตติยภูมิขนาดใหญ่ มีศูนย์เชี่ยวชาญระดับสูง 4 ศูนย์ คือโรคหัวใจ โรคมะเร็ง อุบัติเหตุ และทารกแรกเกิด

นอกจากนี้ได้พัฒนาเป็นศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ โดยเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายไขกระดูกในผู้ป่วยมะเร็งเด็ก การผ่าตัดเปลี่ยนไตให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย โดยใช้ไตจากผู้บริจาคอวัยวะที่มีภาวะสมองตาย จนถึงขณะนี้ผ่าตัดไปแล้ว 100 คนเมื่อธันวาคม 2558 ทั้งนี้ ในอนาคตอันใกล้ จะพัฒนาให้สามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจและเปลี่ยนตับ โดยร่วมมือกับโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ

นพ.ชลิต ทองประยูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ กล่าวว่า โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ เป็นโรงพยาบาลขนาด 1,188 เตียง ปี 2558 ที่ผ่านมามีผู้ป่วยนอก 3,282 รายต่อวัน ผู้ป่วยใน 1,318 รายต่อวัน ดูแลประชาชนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รวมถึงผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา และเวียดนาม ปีละกว่า 4.5 ล้านคน นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์ศาสตร์ชั้นคลินิก สอนนักศึกษาแพทย์ให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม ดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ และเป็นศูนย์การเรียนฝึกอบรมด้านโรคเลือด โรคมะเร็งให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อดูแลผู้ป่วยในพื้นที่เครือข่าย 5 จังหวัดในเขตอีสานใต้ ด้วย