ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ทันหุ้น - อากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ไวรัสเมอร์สคัมแบ็ก โบรกเกอร์เชื่อมือโรงพยาบาลควบคุมได้ดี พร้อมมั่นใจฐานกำไรเติบโต ROE พุ่ง บวกมูลค่าถูกเมื่อเทียบหุ้นในภูมิภาค ชู "BH-BDMS" ผลงานไตรมาส 4 ขยายตัว แนะจังหวะราคาอ่อนตัวเชียร์ "ซื้อ" ส่องเป้า BH ที่ 270 บาท BDMS เป้า 23 บาท

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงพบชาวโอมานป่วยเป็นโรคเมอร์ส (MERS) ในไทยรายที่ 2 โดยตรวจพบที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และได้ส่งตัวไปที่สถาบันบำราศนราดูรนั้น ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าส่งผลทางจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล การท่องเที่ยว และสายการบินในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถควบคุมโรค MERS ได้ดีกว่าในรอบที่ผ่านมาและไม่มีผู้รับเชื้อติดต่อเพิ่มเติม

BH ผันผวนช่วงสั้น

ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH จะได้รับผลกระทบมากที่สุดในกลุ่มเนื่องจากคนไข้อาจจะหลีกเลี่ยงใช้บริการที่ BH เนื่องจากกลัวติดเชื้อ MERS โดยช่วงที่พบคนไข้ MERS รายแรกคนไข้มารักษาที่ BH ลดลงถึง 20% จากระดับปกติ เป็นเวลา 2 อาทิตย์ แต่ฝ่ายวิเคราะห์คาดผลกระทบดังกล่าวเป็นเพียงความเสี่ยงช่วงสั้นเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิเคราะห์กลับมองว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลค่อนข้างน่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นงบผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2558 ที่ใกล้จะมีการประกาศผลออกมา ความสามารถในการทำกำไร ประกอบกับอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงที่สุด บวกกับมูลค่าถูกเมื่อเทียบหุ้นในภูมิภาค ขณะเดียวกันอากาศช่วงนี้เปลี่ยนแปลงบ่อยคาดว่ายอดใช้บริการน่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ "บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH" และ "บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS"

ขณะเดียวกันหากราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวลดลงแรง ฝ่ายวิเคราะห์มองเป็นโอกาส "ซื้อ" โดยเฉพาะหุ้น BH คาดผลงานไตรมาส 4/2558 คาดว่าจะเติบโตค่อนข้างดี มีกำไร 875 ล้านบาท เติบโต 4% ส่วนทั้งปี 2558 มีกำไร 3,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% ราคาเป้าหมาย 270 บาท และ BDMS คาดกำไรไตรมาส 4/2558 อยู่ที่ 1,950 ล้านบาท ส่วนทั้งปี 2558 มีกำไร 7,800 ล้านบาท ราคาเป้าหมาย 23 บาท

เชียร์ "ซื้อ" BH-BDMS

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2559 มีผู้ป่วยต่างชาติต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสเมอร์ส เข้ามายัง BH ด้วยการ Walk-in และภายหลังจากตรวจร่างกาย พบว่าอยู่ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ทางโรงพยาบาลจึงได้มีการแยกผู้ป่วยดังกล่าวไปยังห้องแยกโรคความดันลบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ พร้อมทั้งติดต่อไปยังกระทรวงสาธารณสุข และหลังจากได้มีการตรวจยืนยันโรคจากโรงพยาบาล 2 แห่ง จึงได้มีการส่งต่อผู้ป่วยรายดังกล่าวไปยัง สถาบันบำราศนราดูร และได้มีการนำผู้สัมผัสผู้ป่วยรายนี้ทั้งหมด 252 คน เสี่ยงสูง 37 คน ซึ่งจะนำเข้าระบบเฝ้าระวังติดตามอาการจนครบ 14 วัน จนพ้นระยะฟักตัวของโรค ผ่านการดูแลในสถานที่ที่เตรียมไว้ เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้การพบผู้ป่วย MERS รายที่ 2 ของไทยดังกล่าว ซึ่งได้เข้ามารับการรักษาที่ BH คาดทางโรงพยาบาลมีมาตรการป้องกันและควบคุมที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีประสบการณ์ในการรับผู้ป่วย MERS รายแรกของไทย เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ส่วนหนึ่งสะท้อนจากผู้สัมผัสผู้ป่วยที่ลดลงจาก 59 ราย ในครั้งก่อนหน้า เหลือเพียง 37 ราย คาดว่าผลกระทบเชิงลบที่จะตามมาต่อโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยต่างชาติเป็นสัดส่วนรายได้ที่สูง คือ BH คิดเป็น 65% และ BDMS คิดเป็น 31% น่าจะมีน้อยลงจากเหตุการณ์เดียวกันในครั้งก่อนมาก

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นปัจจุบันของ BH และ BDMS ที่มี Upside จากราคาเป้าหมายปี 2559 ไม่มากนักที่ 6.3% และ 9.8% ตามลำดับ ฝ่ายวิจัยจึงมีความเห็นว่า ประเด็นลบระยะสั้นดังกล่าวน่าจะมากดดันราคาหุ้นในช่วงนี้ แต่น่าจะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับปกติได้ภายใน 14 วัน เป็นกรอบระยะเวลาในการเฝ้าระวังโรค MERS หากไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม คงแนะนำ "ซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว" หุ้น BH ราคาเป้าหมาย 235 บาท และ BDMS ราคาเป้าหมาย 23.60 บาท

ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น วันที่ 26 มกราคม 2558